อุตุฯเตือน32จว.
เสี่ยงถูกฝนถล่ม
เชียงรายเฝ้าระวัง
พายุเข้า4-6ส.ค.นี้

กรมอุตุฯ เตือน 32 จังหวัดระวังฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน กทม.ไม่รอด มีฝนตกร้อยละ 70 ด้าน จ.เชียงราย น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย นายอำเภอแม่สาย เตือนเฝ้าระวังต่อเนื่อง เหตุยังมีพายุอีกหลายลูก

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน ตาก อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.เลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.กาญจนบุรี และราชบุรี ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี ขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ระนอง พังงา และภูเก็ต ตั้งแต่ จ.พังงาขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.ภูเก็ต ลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ส่วน กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงมีน้ำท่วมขังบางจุด โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่แล้ว และเจ้าหน้าที่บางหน่วยได้เร่งอุดรูรั่ว และซ่อมพนังกั้นน้ำ ที่ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย เปิดเผยว่า ขณะนี้ในพื้นที่ต้นน้ำไม่มีฝนตกหนัก แต่ยังคงแจ้งให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อเนื่องในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะมีพายุฝน นอกจากนี้ในเดือนกันยายน ยังต้องเฝ้าระวังสูงสุด เนื่องจากจะมีพายุอีกหลายลูก

ที่ จ.ตาก ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วม ว่าทางจังหวัดได้แจ้งเตือนภัยขั้นสูงสุด โดยเฉพาะบริเวณตลาดริมเมย ซึ่งระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สูงกว่า 2 เมตร จนทำให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ และคาดว่าระดับน้ำจะยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอาจถึงชั้น 2 ของอาคารบ้านเรือน จึงควรเร่งขนย้ายทรัพย์สิน และอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงจุดที่น้ำไหลเชี่ยว โดยขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) กล่าวว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.น่าน เชียงราย แพร่ และสุโขทัย ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จ.น่าน เป็นพื้นที่ซึ่งมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด โดยบริเวณ ต.ยอด อ.สองแคว มีฝนสะสมมากกว่า 500 มิลลิเมตร แต่ขณะนี้ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ จ.แพร่ สถานการณ์กำลังคลี่คลายตามลำดับ ส่วน จ.เชียงราย ช่วง 2 วันที่ผ่านมา ระดับน้ำในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ยังเพิ่มสูง โดยเฉพาะบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ซึ่งเป็นจุดรับน้ำจากฝั่งเมียนมาโดยตรง ทำให้เกิดภาวะน้ำล้นทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ ปัจจุบันระดับน้ำยังคงทรงตัว โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ด้าน จ.สุโขทัย ยังมีแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นในบางจุด ซึ่งได้สั่งการให้มีการควบคุมมวลน้ำจากภาคเหนือลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ และควบคุมระดับน้ำเหนือเขื่อนนเรศวร เพื่อเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำยมเข้าสู่แม่น้ำน่าน และควบคุมระดับน้ำไม่ให้ล้นตลิ่งในตัวเมืองสุโขทัย

รวมทั้งเสริมแนวป้องกันน้ำในเขตเศรษฐกิจและจุดเสี่ยงซ้ำซาก และเปิดบานประตูระบายน้ำทุกจุดเต็มศักยภาพ อีกทั้งได้เตรียมพร้อมพื้นที่ทุ่งบางระกำ ซึ่งใช้หน่วงน้ำได้ถึง 400 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) โดยคาดการณ์ว่าสถานการณ์ทั้ง 4 จังหวัดดังกล่าว จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้