สกัดสองหนุ่มมาเลเซีย ‘ขนซิมบ๊อกซ์’ เตรียมติดตั้งให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

สกัดสองหนุ่มมาเลเซีย ‘ขนซิมบ๊อกซ์’ เตรียมติดตั้งให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันจันทร์ ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 11.03 น.

‘บิ๊กปู’ สั่ง ตม.สงขลา และกองสืบ ตม.6  ผนึกกำลัง ตชด.437 และ สภ.สะเดา ‘ซีลชายแดน’ สกัดสองหนุ่มมาเลเซีย ‘ขนซิมบ๊อกซ์’ เตรียมติดตั้งให้ ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’

วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร  ,พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์  เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 ,พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด. , พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผบช.สตม.,พ.ต.อ.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ ผกก.ตม.จว.สงขลา ,ว่าที่ พ.ต.อ.วุฒิภัทร นภาโชติ ผกก.สส.บก.ตม.6   สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา กองกำกับการสืบสวน บก.ตม.6 บูรณาการกำลังร่วมกับ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 437 และสถานีตำรวจภูธรสะเดา จับกุม ผู้ต้องหา 2 ราย คือ 1.นายยูจีน อายุ 37 ปี สัญชาติมาเลเซีย และ 2. นายตัน อายุ 25 ปี สัญชาติมาเลเซีย


ข้อหา ร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือเคลื่อนย้ายของออกไปจากยานพาหนะ คลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่นคง ท่าเรือรับอนุญาต หรือเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร มีความผิดตาม มาตรา 246 พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 และ ร่วมกันมีใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม มาตรา 6 พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 พร้อมของกลางชุดอุปกรณ์เครื่องซิมบ๊อกพร้อมเราท์เตอร์อินเตอร์เน็ต จำนวนรวม 8 ชุดและอุปกรณ์อื่นๆรวมกว่า 46 รายการ

โดยก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณถนนกาญจนวนิช พื้นที่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จว.สงขลา  ต่อมาพบรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า CX5 ขับเข้าด่าน จึงเรียกให้หยุดแล้วตรวจสอบ โดยมีนายยูจีน สัญชาติมาเลเซีย เป็นผู้ขับขี่ ส่วนนายตัน นั่งโดยสาร เจ้าหน้าที่แสดงตัวขอตรวจค้นสิ่งของผิดกฎหมาย

ผลการตรวจค้นพบ เครื่องกระจายสัญญาณซิมบ๊อกซ์ พร้อมเครื่องเราท์เตอร์อินเตอร์เน็ตแบบเสียบซิมการ์ด จำนวน 4 ชุด ขณะเดียวกันพบกุญแจพร้อมคีย์การ์ดของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอสะเดา จึงนำตัวทั้งสองคนไปตรวจค้นเพิ่มเติม ผลการตรวจค้นพบเครื่องกระจายสัญญาณซิมบ๊อกซ์ พร้อมเราท์เตอร์สำหรับต่ออินเตอร์เน็ตเพิ่มอีก จำนวน 4 ชุดและอุปกรณ์อื่นๆอีกว่า 46 รายการ อยู่ในลักษณะกำลังเปิดใช้งาน เชื่อว่าเพิ่งมีการติดตั้ง

จากการตรวจสอบอุปกรณ์ดังกล่าวถือเป็นเครื่องวิทยุคมนาคม เชื่อว่าลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านโดยการนำกล่องเครื่องขยายสัญญาณเสียงมาปิดบังอำพรางกันเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ  การมีไว้ครอบครองต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงแจ้งข้อกล่าวหา ครอบครองสินค้าที่ไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร และ ครอบครองเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ถูกจับให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเป็นเพียงเครื่องเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพบพยานหลักฐานว่ามีการสั่งการจากคนสัญชาติเดียวกันให้หาจุดติดตั้งเครื่องซิมบ๊อกซ์ดังกล่าว ชุดจับกุมจึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.สะเดา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

สำหรับเครื่องซิมบ๊อกซ์เป็นอุปกรณ์ที่กลุ่มแก๊งขบวนการคอลเซนเตอร์ ใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตประเทศไทย แปลงสัญญาณโทรมาหลอกคนไทยเพื่อให้ยากแก่การตรวจสอบ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญลักษม์ ผบช.สตม. กล่าวว่า คดีนี้เป็นผลจากการบูรณาการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงานในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับคนต่างด้าวและขบวนการลักลอบนำเข้าของผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน ซึ่งสอดคล้องกับ นโยบายของ พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ที่เน้นย้ำให้ทุกหน่วยเร่งรัดการปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ และการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับคนต่างด้าว รวมถึงการควบคุมพื้นที่ชายแดนให้ปลอดภัยและมั่นคงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ///-026

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top