สงขลา – ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา บูรณาการกำลังร่วม ตชด.437 และ สภ.สะเดา จับกุม 2 ชาวมาเลเซีย ลักลอบนำเข้าและครอบครองเครื่องวิทยุคมนาคมผิดกฎหมาย เชื่อเตรียมใช้เป็นอุปกรณ์สำหรับขบวนการคอลเซ็นเตอร์

สืบเนื่องจากนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และควบคุมความมั่นคงบริเวณชายแดนอย่างเข้มงวด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศปอส.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปชก.ตร. และ พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./ผอ.ศนรด.ตร.

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 16.30 น. พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 (ผบก.ตม.6) สั่งการให้ พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ ผกก.ตม.จว.สงขลา นำกำลังฝ่ายสืบสวนร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6, บก.ตชด.437 และ สภ.สะเดา จับกุมชาวต่างชาติ 2 ราย ได้แก่ นายยูจีน นามสมมุติอายุ 37 ปี สัญชาติมาเลเซีย และนายตัน นามสมมุติ อายุ 25 ปี สัญชาติมาเลเซีย โดยทั้งสองเดินทางเข้าประเทศผ่านด่าน ตม.สะเดา เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ต่อมาถูกจับกุมบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาบ้านด่านนอก และคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา พร้อมของกลาง ประกอบด้วย เครื่องกระจายสัญญาณซิมบ็อกซ์ จำนวน 8 เครื่อง, เครื่องเราเตอร์อินเทอร์เน็ตพร้อมซิมการ์ดอีก 8 เครื่อง ซึ่งเข้าข่ายเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมตามกฎหมาย โดยไม่มีใบอนุญาต

จากการสืบสวนพบว่าอุปกรณ์ทั้งหมดอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่มีจำหน่ายในประเทศ และเชื่อว่าลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เบื้องต้นผู้ต้องหาอ้างว่าอุปกรณ์ดังกล่าวใช้จัดเก็บข้อมูลจากกล้องวงจรปิด แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วไม่ตรงกับลักษณะของอุปกรณ์ที่กล่าวอ้าง

จึงแจ้งข้อหาในความผิดตาม มาตรา 246 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560, มาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 พร้อมนำตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สะเดา ดำเนินคดีตามกฎหมาย    

พล.ต.ต.ทรงโปรด ฯ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นผลจากการบูรณาการของหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตามคำสั่งของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญลักษม์ ผบช.สตม. ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าว และขบวนการลักลอบนำเข้าสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดน เพื่อสร้างความปลอดภัยและเชื่อมั่นแก่ประชาชนและนักลงทุน