ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB รวบผู้มีอิทธิพล ลักลอบขุดดินกว่า 20 ปี ชาวบ้านร้องเรียนถูกฟ้องกลับ 13 ราย
วันนี้ (19 มิ.ย.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB มอบหมายให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.สุเทพ โตอิ้ม รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ต.จิรัฎฐวัฒน์ กิจรุ่งเรืองเดช สว.กก.4 บก.ป.พร้อมกำลัง เข้าจับกุมนายอารีย์ อายุ 70 ปี เจ้าของบ่อขุดดิน/ผู้ว่าจ้าง/นายจ้าง นายไอ้ผิด อายุ 19 ปี และนายพัฒนา อายุ 20 ปี จับกุมได้บริเวณโฉนดที่ดินไม่ทราบเลขที่ บ้านกอสะเลียม หมู่ 8 ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ ได้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ขุดดินถมดิน พ.ศ.2543 ฐานร่วมกันทำการขุดดินโดยมีความลึกจากระดับพื้นดินเกินสามเมตรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นเรื่องให้หยุดทำการขุดดิน ตามมาตรา 29 วรรคสอง หรือมาตรา 31 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2562 ฐานร่วมกันตั้งโรงงานจำพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ร่วมกันประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่สามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2550 ฐานร่วมกันประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนายอารีย์ ในข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวฯ ตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และรับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ส่วนผู้ต้องหาที่ 2-3 ถูกดำเนินคดีเพิ่มในความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ฐานเป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน
พร้อมกันนั้นได้ตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย 1.รถแบคโฮ 2 คัน 2.รถบรรทุกดิน 3 คัน 3.เอกสารการรับส่งดิน ใบสั่งงาน บัญชีรายชื่อพนักงาน 4.กล้องวงจรปิด พร้อม DVR บันทึกภาพ 5.รถกระบะสีขาว
การจับกุมครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าทีได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบขุดดินในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อเข้าตรวจสอบ พบนายอารีย์ อายุ 61 ปี อ้างตัวเป็นเจ้าของกิจการบ่อดิน จากการตรวจสอบภายในรถยนต์ พบคนต่างด้าว คือผู้ต้องหาที่ 2-3 ซึ่งเป็นแรงงานชาวเมียนมา เข้ามาทำงานขุดดิน โดยนายอารีย์ อ้างว่าทั้งสอง เพิ่งเดินทางมาสมัครงาน ยังไม่ได้เริ่มทำงานแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ
ทั้งนี้ ในระหว่างปฏิบัติการตรวจค้น คนงานในพื้นที่ได้ไหวตัวทันและพยายามขัดขวางเจ้าหน้าที่โดยนำรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถกระบะไปปิดกั้นทางเข้าออก ทั้ง 3 ด้านของบ่อดิน เพื่อเปิดทางให้คนงานหลบหนีทางด้านหลัง ส่งผลให้มีคนงานหลบหนีไปได้ 5 คน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพจากมุมสูง ขณะที่รถแบคโฮ กำลังตักดินใส่รถบรรทุก รวมถึงภาพเหตุการณ์ที่คนงานพยายามขัดขวางการตรวจค้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี
จากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบว่ามีการประกอบกิจการขุดดินอย่างเป็นระบบ มีรถแบคโฮทำงานภายในบ่อ 2 คัน รถบรรทุกดินรอขนถ่ายอีก 3 คัน จุดตั้งกล้องวงจรปิดพร้อมเครื่องบันทึก DVR ป้อมเสมียนบันทึกคิวรถเข้าออก บัญชีรายชื่อพนักงาน และเอกสารแสดงรายการการขนส่งดิน แสดงให้เห็นถึงการดำเนินกิจการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง จึงมีการจับกุมและยึดของกลางไว้ดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง ยังพบว่าก่อนหน้านี้ นายอารีย์ เคยลักลอบเปิดบ่อดินผิดกฎหมายในพื้นที่บ้านกอสะเลียม หมู่ 8 หมู่ 11 ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ มาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี โดยไม่มีใบอนุญาตและฝ่าฝืนผังเมืองรวม จ.เชียงใหม่ ซึ่งระบุว่าเป็นพื้นที่สีเขียว ห้ามขุดดินโดยเด็ดขาด ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี นายอารีย์ เคยถูกจับกุมมาแล้ว 4 ครั้ง แต่คดีไม่เคยถึงชั้นศาล เนื่องจากอัยการมีคำสั่งให้เปรียบเทียบปรับ ดำเนินการโดยอุตสาหกรรมจังหวัด และเทศบาลในพื้นที่เท่านั้น ทำให้ผู้ต้องหาไม่เกรงกลัวกฎหมาย ยังคงดำเนินกิจการอย่างท้าทายกฎหมายและเจ้าหน้าที่รัฐ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างรุนแรง ทั้งเสียง ฝุ่น ถนนพัง และความเสื่อมโทรมของพื้นที่ชุมชน รวมทั้งเกิดอุบัติเหตุจากรถบรรทุกเข้าออก เมื่อมีดินตกหล่น ประกอบกับเวลาฝนตกทำให้ถนนลื่น มีประชาชนได้รับบาดเจ็บแล้วหลายราย นอกจากนี้ยังกระทบกับบ่อน้ำบาดาล แม่น้ำ คลองสาธารณะเปลี่ยนสาย บ้านเรือนทรุดตัวจากปัญหาการขุดดินในพื้นที่ดังกล่าว
จากการสอบถามชาวบ้านที่เป็นหนึ่งในผู้เสียหาย ระบุว่า นายอารีย์ มักจะอ้างตัวว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอดีตอัยการคนดัง และมีความเชื่อมโยงกับอดีตตำรวจที่เคยเป็นข่าวดังในคดีอุ้มฆ่า ทำให้ชาวบ้านเกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าร้องเรียน หรือบางส่วนที่เคยร้องทุกข์กับภาครัฐ แต่พอคดีไม่ถึงชั้นศาล จึงไม่กล้าดำเนินการอะไร และเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลรู้จักคนใหญ่คนโต
ชาวบ้านให้ข้อมูลอีกว่า ต่อมาช่วงปี 2565 หลังจากผู้ต้องหาถูกจับกุม ก็มีนายทหารนอกราชการชื่อดัง ปรากฏตัวในเครื่องแบบ เข้ามายังสำนักงานเทศบาล ต.บวกค้าง ข่มขู่อดีตนายกเทศมนตรี ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับบ่อดินแห่งนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายไม่กล้าแตะต้อง ยุ่งเกี่ยว
ส่วนนายอารีย์ เอง ยังเคยนำเอกสารราชการภายใน เช่น หนังสือจากตำรวจภูธรภาค 5 และหนังสือร้องเรียนของประชาชน ไปฟ้องกลับประชาชน 13 ราย ฐานหมิ่นประมาท เพื่อปิดปากผู้ร้องเรียน แม้ว่าต่อมาศาลจะยกฟ้อง แสดงให้เห็นว่ามีการนำเอกสารดังกล่าวซึ่งเป็นเอกสารราชการ ห้ามใช้ในทางส่วนตัว มาเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องดำเนินคดี
จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นบุคคลต่างด้าว รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี