วิเคราะห์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณีคลิปเสียงนายก
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุม โดยได้พิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง หลังประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กรณีคลิปเสียง สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
โดยองค์คณะศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติ 9:0 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย โดยมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้อง ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องและมีมติ 7:2 ให้ผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ตั้งแต่ 1 ก.ค. 2568 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ซึ่งในส่วนคลิปเสียงนั้นก่อนที่ศาลจะได้มีคำวินิจฉัยนายกได้มีการแถลงข่าวยอมรับว่าเป็นเสียงของตนจริง
ประเด็นดังกล่าวหากวิเคราะห์ในทางคดีเรื่องพยานหลักฐานแล้ว กรณีที่คู่ความได้ยอมรับว่าคลิปเสียงนั้นเป็นของตน ไปทางกระบวนการพิจารณาคดีจะถือว่ารับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวได้
แต่หากกรณีที่คู่ความปฏิเสธคลิปเสียงดังกล่าวไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วนก็ตาม ในการรับฟังพยานหลักฐานจะถือว่าไม่สามารถรับฟังได้เว้นแต่สามารถพิสูจน์ความถูกต้อง น่าเชื่อถือและแหล่งที่มา ของข้อมูลดังกล่าวได้ ซึ่งก็ไม่แน่ว่าผู้สนทนาผู้ปล่อยคลิปเสียงหรือผู้ที่ร้องเรียนจะสามารถมายืนยันความถูกต้องได้หรือไม่
การแถลงยืดอกรับของนายกว่าเป็นคลิปเสียงของตนนั้น เป็นสิ่งที่ดี ในการแถลงที่ตรงไปตรงมาต่อสาธารณะ ติดตรงที่เมื่อแถลงแล้วยังดำรงตำแหน่งต่อจึงเป็นเหตุที่มาของการร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย
ประเด็นต่อไปคงต้องรอลุ้นกันว่าการที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มารับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมนั้น จะซ้ำรอยคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 21/2567 ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน หรือไม่
037
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี