'มาริษ'เตรียมเยือนสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยานการจัดซื้อ'กริพเพน'

'มาริษ'เตรียมเยือนสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยานการจัดซื้อ'กริพเพน'

วันพุธ ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 20.59 น.

“มาริษ” เตรียมเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการ พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Gripen ของกองทัพอากาศ

20 สิงหาคม 2568 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวประจำสัปดาห์ของกระทรวงการต่างประเทศ  ว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางไปเยือนประเทศสวีเดนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 24 -26 สิงหาคม 2568 นี้ เพื่อประกาศยกระดับความสัมพันธ์ไทย-สวีเดน สู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ โดยในวันที่ 26 สิงหาคม รมว.กต. จะเข้าพบหารือทวิภาคีกับ นางมาเรีย มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมลงนามในเอกสารความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย-สวีเดน ซึ่งมีสารสำคัญเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี สู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ และแสดงความมุ่งมั่นแห่งการเมืองในการส่งเสริมและขับเคลื่อนความร่วมมือในสาขาที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น การกำหนดกลไกหารือทวิภาคีทางการเมืองเชิงยุทธศาสตร์ การค้าการลงทุน ความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ รวมถึงการเปลี่ยนผ่านสีเขียว นวัตกรรม การศึกษา และการส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชน  ทั้งนี้ ประเทศ สวีเดน เป็นประเทศที่ 2 ในยุโรป ที่มีความสัมพันธ์ระดับสู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ต่อจากสหราชอาณาจักร


นอกจากนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.กต. จะร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามสัญญาว่าด้วยการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ระยะที่หนึ่งของกองทัพอากาศ รวมถึงพบหารือกับเอกชนชั้นนำและภาควิชาการของสวีเดน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนโยบายเศรษฐกิจและการลงทุนของไทย และผลักดันความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสีเขียวอีกด้วย

นายนิกรเดช กล่าวถึงเรื่องการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย หรือ ACD สมัยที่ 20 และการประชุมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างวันที่ 1- 3 กันยายน 2568  ซึ่งในปีนี้ไทยเป็นประธานกรอบความร่วมมือเอเชีย ที่เน้นความสำคัญของการส่งเสริมความร่วมมือ ACD ในสาขาหลัก ซึ่งรวมถึงการพัฒนาการที่ยั่งยืนทางการเงิน การเปลี่ยนผ่านดิจิทัล การท่องเที่ยว และการศึกษา ระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน นี้ โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ 20 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อหารือเกี่ยวกับอนาคตของ ACD และวิธีการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐสมาชิก รวมถึงการยกระดับ ACD สู่การเป็นองค์กรระดับภูมิภาค โดยจะเป็นการต่อยอดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ที่ไทยเป็นประธานและเป็นเจ้าภาพการประชุมเมื่อวันที่ 6 ก.พ.และเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา

โดยในวันที่ 1 กันยายน 2568 จะเป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส  และวันที่ 2 กันยายน เป็นการประชุมหารือระดับสูง แบ่งเป็น 3 หัวข้อ โดย 1 . ความยั่งยืนทางการคลัง และการเงิน  2. ความปลอดภัยและความครอบคลุมของการเงินดิจิทัล และ 3. การเงินเพื่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน  ส่วนวันที่ 3 กันยายน จะเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ 20

ทั้งนี้  ACD ก่อตั้งขึ้นโดยข้อริเริ่มของไทย ในปี 2545 เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือและเวทีหารือระดับนโยบายระหว่างประเทศในเอเชีย และเพื่อส่งเสริมความเข้าใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศในเอเชีย รวมถึงเพื่อหาทางออกสำหรับปัญหาและความท้าทายระดับโลกในปัจจุบันร่วมกัน  ACD ปัจจุบันมีสมาชิก  35 ประเทศ

นายนิกรเดช กล่าวถึงการแสดงปาฐกถาสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร เกี่ยวกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยกระทรวงการต่างประเทศ และสภากาชาดไทย ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดปาฐกถาสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร เกี่ยวกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ครั้งที่ 11 ซึ่งจัดขึ้นที่กระทรวงการต่างประเทศ

โดย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงฟังปาฐกถา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯเสด็จพระราชดำเนินทุกครั้ง ตั้งแต่จัดครั้งแรก เมื่อปี 2546  การจัดปาฐกถามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่สาธารณะชน เกี่ยวกับหลักกฏหมายมนุษธรรมระหว่างประเทศ และการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม ทั้งยังเป็นการดำเนินการตาม 1 ใน 8 คำมั่นของไทย ที่ประกาศไว้ในการประชุมนานาชาติของสภากาชาดและสภากาชาดเสี้ยววงเดือนแดง ระหว่างประเทศ ครั้งที่ 34 เมื่อตุลาคม 2567 ที่นครเจนีวา เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ การยกย่องและเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นการตอกย้ำบทบาทของไทยในเวทีด้านมนุษยธรรมทั้งในประเทศและนานาชาติ โดยในปีนี้นางมารียานา สปอลยาริช เอ็กเกอร์ ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC ได้ให้เกียรติมาแสดงปาฐกถา ในหัวข้อ การธำรงไว้ซึ่งความเป็นมนุษย์ในสงครามในยุคปัจจุบัน ย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างความตระหนักรู้และการเคารพกฎหมายกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ทั้งยังเตือนถึงแนวโน้มการใช้ข้อมูลข่าวสารเป็นอาวุธ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรักษาหลักขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ในยามสงคราม เพื่อยึดมั่นระเบียบโลก บนฐานนิติธรรม หัวข้อปาฐกถาครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ทันท่วงทีและสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในฐานะที่ไทยเป็นประเทศที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง จากการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ  รวมถึงโดนโจมตีด้วยการเผยแพร่ข่าวปลอมจากกัมพูชา นอกจากนี้ คำกราบบังคมทูลถวายรายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีใจความสำคัญว่า

“การจัดปาฐกถาครั้งนี้ สะท้อนถึงเจตนารมย์ของไทยในการธำรงไว้ซึ่งกฎหมายมนุษยธรรม แม้ท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรง พร้อมชี้ถึงมรดก 150 ปีกระทรวงการต่างประเทศ ที่ยืนหยัดในเส้นทางเจรจาเพื่อแปลความตึงเครียด เป็นความเข้าใจ  และเปลี่ยนความเป็นปฏิปักษ์ เป็นความร่วมมือ เพราะความสงบสุขไม่ได้เกิดขึ้นในสนามรบ แต่เกิดขึ้นบนโต๊ะเจรจา และการทูตจะพิสูจน์คุณค่าได้ก็ต่อเมื่อสามารถขจัดความจำเป็นในการใช้อาวุธออกได้”

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top