วันพฤหัสบดี ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
รีดหัวคิว 6 พันล้าน! ทลายแก๊งต่อบัตรต่างด้าว โยงฟอกเงินให้'บิ๊กกัมพูชา'

รีดหัวคิว 6 พันล้าน! ทลายแก๊งต่อบัตรต่างด้าว โยงฟอกเงินให้'บิ๊กกัมพูชา'

วันพฤหัสบดี ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 15.50 น.
Tag : แก๊งต่อบัตรต่างด้าว ฟอกเงิน แรงงานต่างด้าว
  •  

DSI เปิดปฏิบัติการตรวจค้น 4 จุด บริษัทฯต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว พบขบวนการรีดหัวคิวแรงงานกัมพูชา 200,000 ราย อ้างเป็นค่าต่อใบอนุญาตผ่านระบบออนไลน์ คาดมูลค่าเม็ดเงินเวียนกว่า 700 ล้านบาท  /แย้มหากหักหัวคิวครบ 4 สัญชาติ “กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม” อาจทะลุ 6,000 ล้านบาท /ชี้ชัดโยงฟอกเงินกัมพูชา หลังเส้นเงินพบคนไทยโอนเงินให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชา 3 ราย ช่วง 67-68  

เวลา 13.30 น. วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ที่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งเปิดเป็นบริษัท ถนนไทยรามัญ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กทม. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีเศษ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผอ.กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ พ.ต.ท.ธนวัฒน์ วงศ์อนันต์ชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ นายจินกร แก้วศรี รอง ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ตรวจค้น 4 จุดเป้าหมายในกรุงเทพฯ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานขบวนการรีดหัวคิวแรงงานนำไปฟอกเงินผ่านเจ้าหน้าที่กัมพูชา


พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีเศษ เปิดเผยภายหลังเข้าตรวจค้น ว่า ตนได้รับรายงานจากคณะพนักงานสืบสวน จึงได้มีการลงพื้นที่ตรวจค้นกลุ่มขบวน การรีดเงินค่าหัวคิวจากแรงงานต่างด้าว ซึ่งมาจากการปรับวิธีการต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าวมาใช้วิธีระบบออนไลน์ รวมถึงจากข้อมูลการสืบสวนนั้น นอกจากแรงงานต่างด้าวจะต้องจ่ายค่าใบอนุญาต ,ค่าประกันสังคม ,ค่าตรวจสุขภาพแล้ว ยังต้องจ่ายเงินอีก 2,500 บาทต่อราย หรือมากกว่านั้น โดยเป็นการจ่ายผ่านบัญชีม้าหรือบัญชีนอกระบบ ซึ่งถ้าหากคูณจำนวนแรงงานกัมพูชาที่มีประมาณกว่า 280,000 ราย จะพบว่ามีแรงงานกัมพูชาที่ได้ต่อใบอนุญาตไปแล้วประมาณ 180,000 ราย คำนวณเป็นเงินประมาณ 300-400 ล้านบาท แต่ถ้าต่อใบอนุญาตครบทุกคน จะมีเงินที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับแรงงานกัมพูชาตรงนี้สูงถึง 700 ล้านบาท นี่เป็นมูลค่าเพียงแรงงานกัมพูชาเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในการสืบสวนเส้นทางการเงินยังพบว่ามีการโอนผ่านไปยังเจ้าหน้าที่กัมพูชา ซึ่งจะต้องนำไปขยายผลตรวจสอบว่ามีการอ้างชื่อ มีการใช้บัญชีม้า หรือเป็นตัวจริงหรือไม่ ทั้งนี้ หลังจากเส้นเงินโอนผ่านไปยังเจ้าหน้าที่กัมพูชาแล้ว บางส่วนก็มีการโอนวนกลับมายังบุคคลไทยอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเราตรวจพบจากรายการเดินบัญชี (Statement) ประมาณร้อยล้านบาทที่วนกลับมา แต่ก็ต้องไปขยายผลดูเรื่องบัญชีม้าต่อไป

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยอีกว่า พฤติการณ์ของกลุ่มขบวนการดังกล่าว พนักงานสืบสวนพบว่าหากแรงงานกัมพูชาไม่จ่ายค่าส่วนต่าง 2,500 บาทเพิ่ม ก็มีการอ้างว่าระบบออนไลน์ในการต่อใบอนุญาตการทำงานจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งจะทำให้แรงงานไม่ได้รับเอกสารสำหรับไปใช้ในการตรวจสุขภาพ หรือทำประกันต่าง ๆ หรือยื่นขอต่อวีซ่า (Visa) ตรงนี้ถือเป็นความเดือดร้อนของแรงงานต่าง ด้าวที่มาทำงานในไทยได้ค่าจ้างเพียง 300-400 บาท แต่กลับต้องมาจ่ายค่าเรียกเก็บหัวคิว ทั้งนี้ อาจเป็นการร่วมกันทำระหว่างเจ้าหน้า ที่กัมพูชาและไทย จึงต้องสืบสวนเพิ่มเติม

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยต่อว่า สำหรับที่มาที่ไปของขบวนการรีดหัวคิว พบว่าเริ่มทำตั้งแต่เดือน พ.ย.2567 นับตั้งแต่กระทรวงแรงงานของไทยได้มีประกาศกระทรวงแรงงาน ลงวันที่ 26 พ.ย.67 ผ่อนผันให้มีการต่อใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ที่ครบกำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาตในวันที่ 13 ก.พ.68 ซึ่งประกอบด้วย เมียนมา 2,012,856 คน กัมพูชา 287,557 คน ลาว 94,132 คน และเวียดนาม 3,673 คน โดยกำหนดเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาว่าผู้ที่จะต่อใบอนุญาตทำ งานได้ ต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตและนายหน้าจัดหางาน (AGENCY) จากประเทศต้นทางเสียก่อน จึงทำให้มีขบวนการเรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าวที่ต้อง การจะต่อใบอนุญาตทำงาน

พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกับคนในกระทรวงแรงงานหรือไม่ ก็ต้องสืบสวนให้ชัดเจน เพราะเราพบว่าปลายปี '67 ดังกล่าวมีการปรับระบบในการต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าวขึ้นมา โดยระบบออนไลน์ ดังนั้น คนที่จะต่อใบอนุญาตจะต้องประสานผ่านบริษัทจัดหางาน และคนพวกนี้จะมีการคีย์เข้าระบบว่ามีแรงงานใดบ้างจะขอต่อใบอนุญาต รวมถึงมีการอ้างจ่ายค่าส่วนต่างตรงนี้ว่าแรง งานต้องจ่าย ระบบจึงจะดำเนินการได้

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยอีกว่า สำหรับบัญชีม้าที่พบ เราเจอทั้งคนต่างด้าวและคนไทยซึ่งก็ต้องไปพิสูจน์ทราบต่อไป นอกจากนี้ ส่วนประเด็นที่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่กัมพูชาเข้ามาเกี่ยวข้องกับขบวนการรีดค่าหัวคิวนั้น ในข้อมูลการสืบสวนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง ส่วนเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่กัมพูชาระดับสูงที่โอนเงินมายังคนไทย ซึ่งคนไทยที่ว่านี้ไม่ใช่เจ้าหน้า ที่ เเต่เป็นบุคคลหรือเป็นเอกชน ซึ่งก็อาจจะเป็นตัวแทนหรือนอมินีก็ได้ โดยเบื้องต้นพบเจ้าหน้าที่กัมพูชาประมาณ 2-3 ราย ขณะที่มูลค่าเงินที่มีการโอนจากฝั่งไทยไปยังเจ้าหน้าที่กัมพูชา ประมาณ 100 ล้านบาท แต่ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างรวบ รวมรายการเดินบัญชีจากธนาคารต่างๆ คาดว่าอาจมีสูงกว่านี้

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยด้วยว่า สำหรับค่าหัวคิว 2,500 บาทที่ได้จากการแรงงานต่างด้าว เมื่อไปดูขั้นตอนการแบ่งเปอร์เซ็นต์กันของคนไทยและเจ้าหน้าที่กัมพูชาที่ทำร่วมกัน พบว่าเปอร์เซ็นต์ไม่แน่นอน  นอก จากนี้ หากดูสถิติการต่อใบอนุญาตแรงงานกัมพูชาที่ต่อไปแล้ว 180,000 ราย ถ้าหากเป็นไปตามการสืบสวนที่อ้างว่าไม่จ่ายจะต่อใบอนุญาตไม่ได้ จะมีวงเงินจะสูงถึง 400-500 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนนี้คือเงินที่ไหลออกนอกระบบผ่านบัญชีม้า

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยต่อว่า การกระทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องเงิน มันคือการกระทำผิดในมูลฐานความผิดฟอกเงิน ดังนั้น การได้ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดและมีการโอนผ่านบัญชีม้าหรือบุคคลอื่น ก็ถือเป็นพฤติการณ์ปกปิดอำพรางและเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน เข้าข่ายเป็นการฟอกเงิน แล้วยังมีการโอนไปยังต่างประเทศ และโอนกลับมาไทยอีกนั้น ก็เป็นการปกปิด เข้าข่ายเป็นความผิดอาญาฐานฟอกเงินด้วย แต่ต้องขยายผลก่อน

ส่วนเรื่องความเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่กัมพูชานั้น เราทราบเบาะแสแล้ว แต่ขอให้มีการสืบสวนอย่างชัดเจนก่อน รวมไปถึงการสันนิษฐานว่าอาจมีเจ้าหน้าที่ไทยไปเกี่ยวข้อง ก็ต้องสืบสวนให้ชัดเจน

พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุด้วยว่า สำหรับจุดเป้าหมายที่ตรวจค้นในวันนี้ซึ่งเป็นสำนักงานพบว่ามีเจ้าของเป็นคนไทย และทำธุรกิจโดยคนไทย เพียงแต่ว่ามีผลประโยชน์ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ส่วนการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยเฉพาะในส่วนการเรียกหักค่าหัวคิวแรงงาน 2,500 บาทต่อรายนั้น พบว่ามีบุคคลที่คอยชี้บอกว่าจะต้องจ่ายเงินส่วนต่างจำนวนดังกล่าวผ่านบัญชีตามที่กำหนด ซึ่งที่เราพบก็คือบัญชีที่ผ่านไปยังเจ้าหน้าที่ของกัมพูชา โดยพฤติการณ์ คือ คนไทยไปพูดกับคนไทยเรื่องการหักค่าหัวคิวดังกล่าวกับแรงงานกัมพูชา ว่าต้องจ่าย 2,500 บาท ทั้งนี้ เบื้องต้นพบว่าบุคคลที่อยู่ในขบวนการเครือข่ายนี้มีประมาณมากกว่า 10 ราย กระจายในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุต่อว่า คนงานที่ถูกหักค่าหัวคิวส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้แรงงาน ซึ่งแรงงานกัมพูชาเพียงอย่างเดียวก็ประมาณ 280,000 ราย ขณะที่แรงงานเมียนมา ประมาณ 2,000,000 ราย ดังนั้น หากรวมจำนวนแรงงานเกือบทุกสัญชาติ ทั้งลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม ซึ่งถ้ามีการไปเก็บค่าหัวคิวรายละ 2,500 บาท มันจะมีเงินที่ถูกใช้ในขบวนการดังกล่าวทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ปกติแล้วแรงงานจะจ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ประมาณ 3,700 บาทต่อราย ก็จะเป็นค่าประกันสังคม ค่าตรวจสุขภาพ ค่าต่อใบอนุญาต แต่มีการไปถูกบวกเพิ่มเรื่องการต่อใบอนุญาตระบบออนไลน์อีก 2,500 บาท ซึ่งการต่อใบอนุญาตดังกล่าวเกิดขึ้น 2ปีครั้ง ตอนนี้พบเพียงแรงงานกัมพูชาที่ถูกอ้างเรื่องการต่อใบอนุญาตผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น จึงพบว่ามีเรื่องของผลประโยชน์ร่วมกันเกิดขึ้น

เมื่อถามว่าขอบเขตการรับผิดชอบดังกล่าวจะอยู่ที่กระทรวงแรงงานไทยและกระทรวงแรงงานกัมพูชา ใช่หรือไม่นั้น พ.ต.ต.ยุทธนา ยอมรับว่าใช่ แต่ก็ต้องมีหลักฐานชัดเจนก่อนว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าเนื้อหาลักษณะของงานอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงแรงงาน ส่วนจะเป็นเจ้าที่ภายในกระทรวงแรงงานด้วยหรือไม่นั้น ต้องขยายผลต่อไป

ต่อข้อถามว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับใดของกระทรวงแรงงานที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตการต่ออายุของแรงงานต่างด้าว พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า มีตั้งแต่ระดับปฏิบัติงานจนถึงผู้ที่สามารถอนุมัติได้ นอกจากนี้ การลงพื้นที่เปิดปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุดในวันนี้ ประกอบด้วยบริเวณพื้นที่7 ถนนไทยรามัญ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กทม. จำนวน 2 จุด และอีก 2 จุด อยู่ที่บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ กทม. โดยเบื้องต้นวันนี้ได้มีการสอบสวนปากคำพยานบุคคลไปแล้ว 2 ราย คือ เจ้าของบริษัทและพนักงาน

ขณะที่ พ.ต.ท.ธนวัฒน์ วงศ์อนันต์ชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการตรวจยึดพยานเอกสารประเภท หลักฐานที่ใช้ในการต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว และเอกสารอนุมัติ เป็นต้น ซึ่งมีเอกสารจำนวนมาก และเชื่อว่ายังมีเอกสารที่ถูกจัดเก็บกระจายไปยังสำนักงานจุดอื่นอีกมาก ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ รายงานว่า กรณีนี้สืบเนื่องจากได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้ใช้ชื่อว่า "กลุ่มนายจ้าง“ ที่ได้รับความเดือดร้อน ร้องเรียนว่า ตามที่กระทรวงแรงงานของไทยได้มีประกาศกระทรวงแรงงาน ลงวันที่ 26 พ.ย.67 ผ่อนผันให้มีการต่อใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ที่ครบกำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาตในวันที่ 13 ก.พ.68 ซึ่งประกอบด้วย เมียนมา 2,012,856 คน กัมพูชา 287,557 คน ลาว 94,132 คน และเวียดนาม 3,673 คน โดยกำหนดเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาว่าผู้ที่จะต่อใบอนุญาตทำงานได้ ต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตและนายหน้าจัดหางาน (AGENCY) จากประเทศต้นทางเสียก่อน จึงทำให้มีขบวนการเรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าวที่ต้องการจะต่อใบอนุญาตทำงานดังกล่าว โดยแรงงานต่างด้าวแต่ละคน จะจ่ายเงินเพิ่มเติมจากค่าใช้จ่ายปกติตามที่ทางราชการกำหนด อีกรายละ 2,500 บาท โดยการบอกกล่าวจากนายหน้าคนไทย เป็นคนแจ้งไปยังนายจ้างและแรงงานต่างด้าวให้โอนเงินส่วนนี้ผ่านบัญชีม้า ซึ่งเป็นบัญชีของคนต่างด้าวด้วยกัน หากไม่จ่ายเงินส่วนนี้ก็จะไม่ได้รับการอนุมัติให้ต่อใบอนุญาตทำให้แรงงานต่างด้าวเกิดความกลัวว่าจะถูกจับกุม จึงยอมทำตาม สร้างความเสียหายให้กับแรงงานต่างด้าว นายจ้าง และบริษัทผู้รับจ้าง

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าเงินจำนวนดังกล่าว บางส่วนได้ถูกโอนไปยังเจ้าหน้าที่ของกัมพูชา โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เข้าทำการตรวจค้น จำนวน 4 จุด ในพื้นที่
กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ เป็นผู้ดำเนินการรับต่อใบอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานสัญชาติกัมพูชา ผลการตรวจค้นพบพยานหลักฐาน อันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนและจะทำการขยายผลต่อไป

กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ เป็นผู้ดำเนินการรับต่อใบอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานสัญชาติกัมพูชา ผลการตรวจค้นพบพยานหลักฐาน อันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนและจะทำการขยายผลต่อไป.

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • แนวหน้าวิเคราะห์ : หยุด‘คอกม้าจีนเทา’ แหล่งฟอกเงินแก๊งคอลฯ แนวหน้าวิเคราะห์ : หยุด‘คอกม้าจีนเทา’ แหล่งฟอกเงินแก๊งคอลฯ
  • ตร.เข้าจับกุมแรงงานต่างด้าว ขณะเล่นไพ่วิ่งหนีกันกระเจิงในพื้นที่คลองหลวง ตร.เข้าจับกุมแรงงานต่างด้าว ขณะเล่นไพ่วิ่งหนีกันกระเจิงในพื้นที่คลองหลวง
  • ตรวจจับกลางดึก! \'แรงงานต่างด้าว\'ตลาดกลางบางใหญ่ ตรวจจับกลางดึก! 'แรงงานต่างด้าว'ตลาดกลางบางใหญ่
  • ‘ณฐพร-ลูกชาย’นอนคุก! คดีสมคบกันฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่น ‘ณฐพร-ลูกชาย’นอนคุก! คดีสมคบกันฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่น
  • ศาลรับฟ้อง‘ณฐพร-ลูกชาย’คดีสมคบกันฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่น เจ้าตัวปฏิเสธ ศาลรับฟ้อง‘ณฐพร-ลูกชาย’คดีสมคบกันฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่น เจ้าตัวปฏิเสธ
  • ปอท.รวบหนุ่มฟอกเงินให้แก๊งคอลฯพัวพันเว็บพนัน ปอท.รวบหนุ่มฟอกเงินให้แก๊งคอลฯพัวพันเว็บพนัน
  •  

Breaking News

เครียดปัญหาส่วนตัว! คืบหน้าชายโดดอาคาร โรงเรียนดังนครราชสีมา

(คลิป) 'อุ๊งอิ๊งค์' เกมโอเวอร์!!

(คลิป) 'เจ๊ปอง' ฉายละครฉากใหญ่! 'บุนรานี' ขี่ 'ฮุนเซน' ทะลุเขมร!

‘ผู้ว่าฯชัชชาติ’ชี้เปิด 3 วิธีตรวจสอบอาคารรัง‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved