ตำรวจ บก.ปอท.กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB รวบสาวเปิดบัญชีม้า ร่วมแก๊งคอลฯ ตุ๋นเหยื่อ หนีตายจากปอยเปตกลับไทย ไปไม่รอด
วันนี้ (4 ก.ค.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB มอบหมายให้ พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.ต.อ.กฤษฎาพร ปานโปร่ง พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ภานุภัท กิตติพันธ์ ผกก.1 บก.ปอท. พ.ต.ท.ภัททสักก์ ธนสุกาญจน์ พ.ต.ท.เอกพล แสงอรุณ รอง ผกก.1 บก.ปอท. พ.ต.ท.เอกคณิต เนตรทอง สว.กก.1 บก.ปอท.นำกำลังจับกุม น.ส.เบ็ญจมาศ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน
ทั้งนี้ เนื่องจากตำรวจ กก.1 บก.ปอท.ได้สืบสวนติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงิน โดยใช้วิธีการหลอกลวงผ่านทางการเปิดเพจเฟซบุ๊กปลอม ติดต่อหาเหยื่อ พูดคุยหว่านล้อม สร้างความสนิทสนม ให้เหยื่อตายใจ หรือเชื่อใจ แล้วก็จะชักชวนให้นำเงินมาร่วมลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชั่นปลอมชื่อ “Tidex” โดยในคดีนี้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้คนร้ายผ่านบัญชีม้าหลายบัญชี (หนึ่งในนั้นเป็นบัญชีของผู้ต้องหารายนี้) รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 22.4 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาและผู้ต้องหาตามหมายจับรายนี้ ได้หลบหนีไปอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านและยังหลบหนีอยู่เรื่อยมา โดยสมาชิกรายอื่นๆ ในเครือข่ายถูกจับกุมดำเนินคดีส่งศาลอาญาพระโขนงไปแล้ว ในปี 2567 และศาลอาญาพระโขนง มีคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงโทษจำเลย
จากการสืบสวนและเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด พบว่าผู้ต้องหารายนี้ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง คอยย้ายสถานที่หลบหนีไปเรื่อยๆ กระทั่งสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีจากปอยเปต ประเทศกัมพูชา กลับมาซุกซ่อนตัวอยู่ที่บ้านพักใน จ.นครราชสีมา ชุดจับกุมจึงสะกดรอยติดตาม ก่อนวางแผนนำกำลังเข้าจับกุมตัวไว้ได้ในที่สุด ก่อนจะเร่งสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ ต่อไป
สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหา ให้การว่า ครั้งแรกที่ไปทำงานดังกล่าวเป็นเพราะถูกหลอกลวงให้เปิดบัญชีธนาคาร ใช้เป็นบัญชีม้า ก่อนจะข้ามแดนไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหลอกลวงเอาเงินจากประชาชน โดยที่ไม่เต็มใจจะทำงาน แต่เป็นเพราะถูกข่มขู่และบังคับด้วยสารพัดวิธี จึงคิดหลบหนีกลับมาประเทศไทย แต่หลังจากนั้น ได้เดินทางข้ามกลับไปทำงานด้วยความสมัครใจ และยอมรับว่าทำงานอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมาแล้วหลายครั้งและในหลายแก๊ง จนเมื่อกลับประเทศไทยครั้งนี้จึงถูกจับกุมตัว
015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี