‘ตำรวจสอบสวนกลาง’รวบหนุ่มสุพรรณฯ ถูกลวงให้ขนต่างด้าว ก่อนบังคับขนยาบ้า พร้อมขู่ตายห้ามหนี สุดท้ายโดนรวบพร้อม‘ยาบ้า’บิ๊กล็อต 4 ล้านเม็ด
7 กรกฎาคม 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. , พ.ต.อ.วันชนะ ทิพย์อาสน์ ผกก.4 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล. นำโดย พ.ต.ท.ทวี ไพรสุวรรณ สว.ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.3 บก.ป. นำโดย พ.ต.ท.ณัฐดนัย สีแข่ไตร รอง ผกก.3 บก.ป. , ร่วมกันจับกุม นายโชติวัต อายุ 30 ปี ข้อหา “ร่วมกับพวกที่หลบหนีจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนอันเป็นการกระทำที่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”
พร้อมตรวจยึดของกลาง 1.ยาบ้า 4,048,000 เม็ด 2.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ Chevrolet สีเทา ทะเบียน ลพบุรี และ 3.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Iphone สีเทา โดยจับกุมได้บริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่ ทล.2062 กม.10-11 ต.พระยืน อ.พระยืน จ.ขอนแก่น
สืบเนื่องจากก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่า จะมีการลักลอบขนยาเสพติดในลักษณะเป็นขบวนการ ผ่านพื้นที่ จ.ขอนแก่น จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อวางแผนการจับกุม และได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมออกตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ออกตรวจมาถึงบริเวณ ทล.2062 เส้นทางบ้านทุ่ม-พรยืน-มัญจาคีรี พบรถยนต์กระบะ สี่ประตู สีแดง ลักษณะโหลดเตี้ย หมวดจังหวัดอุทัยธานี ขับผ่านมา จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ พบผู้หญิง เป็นคนขับขี่ มีลักษณะท่าทางพิรุธ จึงได้เข้าตรวจสอบ สอบถามเบื้องต้นทราบว่า ได้เดินทางไปหาแฟนที่จังหวัดสกลนคร และกำลังจะเดินทางกลับไป จ.สุพรรณบุรี
จากการตรวจสอบภายในรถไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่หญิงคนดังกล่าวมีลักษณะท่าทางพิรุธ เนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ หญิงคนดังกล่าวพยายามพิมพ์ข้อความทางโทรศัพท์หาใครอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเชื่อว่าน่าจะมีรถที่ขนสิ่งของผิดกฎหมายขับตามมาด้านหลัง และแจ้งให้หญิงคนดังกล่าวเดินทางต่อไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้จึงได้ขับรถย้อนกลับเข้าไปตรวจสอบภายในปั๊มน้ำมันซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 1 กม. เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ Chevrolet สีเทา ทะเบียน ลพบุรี จอดอยู่ภายในปั๊ม มีลักษณะท่าทางพิรุธ จึงตรวจสอบบริเวณโดยรอบ ไม่พบผู้ขับขี่จึงใช้ไฟฉายส่องเข้าไปในรถคันดังกล่าว พบก้อนสี่เหลี่ยมสีดำหลายก้อน อยู่ภายในรถ จึงได้ทำการตรวจสอบพื้นที่บริเวณโดยรอบ พบผู้ต้องหา กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำภายในปั๊ม เมื่อผู้ต้องหาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมมีอาการตกใจและได้วิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงไล่ติดตามและสามารถควบคุมตัวไว้ได้
ผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ตนเป็นคนขับรถคันดังกล่าวมาเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขอตรวจค้นรถ โดยก่อนทำการตรวจค้นพบยาบ้าบรรจุอยู่ในภายในรถคันดังกล่าว ผู้ต้องหาให้การรับว่าตนเป็นคนขับรถคันดังกล่าวจริง โดยในตอนแรกได้รับการว่าจ้างให้ไปขนคนต่างด้าวที่ จ.บึงกาฬ เข้ามาส่งบริเวณภาคกลาง โดยตกลงค่าจ้างในการขนหัวละ 8,000 บาท แต่เมื่อมาถึงจุดนัดหมายที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งที่ จ.บึงกาฬ ได้มีชาย 2 คน ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร มาขับรถคันดังกล่าวออกไป และให้ผู้ต้องหานั่งรออยู่ที่ปั๊ม อยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นชาย 2 คนดังกล่าว จึงได้ขับรถคันดังกล่าวกลับมาพร้อมกับยาบ้าจำนวนดังกล่าว
ชาย 2 คนให้ผู้ต้องหาขับรถนำยาบ้าของกลางดังกล่าว ไปส่ง และข่มขู่ถึงขั้นเอาชีวิตหากผู้ต้องหาทิ้งงานหลบหนี โดยจุดหมายปลายทางที่จะส่งของ จะส่ง GPS มาให้ผู้ต้องหาภายหลัง โดยในการลักลอบขนยาเสพติดในครั้งนี้มี น.ส.พลอย ภรรยา ทำหน้าที่เป็นคนขับรถสเก๊าต์หน้า โดยใช้รถกระบะอีซูซุ สีแดง ทะเบียนอุทัยธานี โดยทำหน้าที่ขับนำ คอยตรวจสอบเส้นทาง และแจ้งความคืบหน้าให้กับผู้ต้องหาเป็นระยะๆ โดยเฉพาะเมื่อเจอด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา พร้อมสิทธิ์ในชั้นจับกุมให้ผู้ต้องหาทราบ จากนั้นได้ทำการควบคุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ////-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี