วันเสาร์ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
แจ้งข้อหา 7 ตร. ปมรุมกระทืบ'ลูกชายอดีตตำรวจ'เหตุเข้าใจผิดแหกด่าน

แจ้งข้อหา 7 ตร. ปมรุมกระทืบ'ลูกชายอดีตตำรวจ'เหตุเข้าใจผิดแหกด่าน

วันพุธ ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 17.36 น.
Tag : กระทืบลูกตำรวจ จราจรกลาง ด่านตรวจ ดีเอสไอ ตำรวจ แนวหน้าออนไลน์ รองอธิบดีอัยการ แหกด่าน อาชญากรรม
  •  

"รองอธิบดีอัยการ-DSI"แจ้งข้อหา 7 ตร.จราจรกลางแล้ว อุ้มหายซ้อมทรมานฯ ปมรุมกระทืบ"ลูกชายอดีตตำรวจ" เหตุเข้าใจผิดแหกด่านตรวจ ยืนยันสำนวนครบถ้วนทั้งหลักฐานกล้องวงจรปิด-ประจักษ์พยาน-คำให้การจักษุแพทย์-นักกายภาพบำบัด บ่งชี้"ลูกชายอดีตตำรวจ"บาดเจ็บสาหัส ส่วนคดี"เป้รักผู้การเท่าไร"เลื่อนสั่งส่งฟ้องผู้ต้องหาไป 31 ก.ค.นี้ เพื่อรอมาครบทุกราย

จากกรณี 7 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจจราจร ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งกองบังคับการตำรวจจราจรที่ 584/2567 ลงวันที่ 4 ธ.ค.67 จากเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายบริเวณริมถนนประเสริฐมนูกิจ เป็นเหตุให้ นายธนานพ เกิดศรี บุตรชายของ พ.ต.ท.ธนชัย เกิดศรี อดีต สว.กก.2 บก.ปทส.ได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากนายธนานพ ขับรถยนต์ยี่ห้อ รุ่น และสีเดียวกันกับรถคันที่แหกด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์หลบหนี จึงเข้าใจผิดว่านายธนานพ ขับแหกด่านหลบหนี


ต่อมาตำรวจ 7 ราย ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน และเมื่อวันที่ 7 มี.ค.68 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 134/2567 โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานกำกับการสอบสวนคดีความผิดแห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยพนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ล่าสุดวันนี้ (9 กรกฎาคม 2568) นัดหมายผู้ต้องหาให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา

วันนี้ (9 ก.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานกำกับการสอบสวนคดีความผิดแห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ พร้อมด้วย นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการแจ้งข้อกล่าวหาแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกลาง 7 ราย

โดย นายวัชรินทร์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการประชุมและลงมติร่วมกันระหว่างพนักงานอัยการและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ มีความเห็นตรงกัน ว่าพยานหลักฐานมีเพียงพอในการดำเนินคดี จึงมีการเรียกผู้ต้องหามาแจ้งข้อกล่าวหาในวันนี้ ซึ่งข้อกล่าวหาในวันนี้ที่จะต้องแจ้ง คือ มาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เพราะเป็นอันตรายต่อกายและจิตใจ ซึ่งเราได้มีการตรวจสอบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการสอบปากคำจักษุแพทย์ ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างนักกายภาพบำบัด รวมไปถึงการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งก็ได้ผลการสอบสวนชัดเจนว่าเป็นอันตรายต่อกายและจิตใจ ซึ่งส่วนนี้เป็นหลักสำคัญของการพิจารณาความผิดตามมาตรา 5

นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวยังถือเป็นการกระทำร่วมกันตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 เพราะเป็นการร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 ประกอบกับเรื่องนี้ผู้กระทำความผิดเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ (ตำรวจ) จึงต้องดำเนินคดีตามมาตรา 172 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และยังมีมาตรา ที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพ ซึ่งก็คือการข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดหรือยอมกระทำการใด ได้แก่ มาตรา 309 มาตรา 310 และมาตรา 157 อย่างไรก็ดี อัตราโทษสูงสุดเป็นไปตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ มาตรา 5 โดยอัตราโทษสูงสุดคือ 15 ปี

นายวัชรินทร์ เผยอีกว่า สำหรับวันนี้ผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับคณะพนักงานสอบสวนครบทุกราย โดยผู้ถูกกล่าวหาสามารถชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ในเวลา 7 - 15 วัน เนื่องจากสิ่งที่เรามีในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นพยานหลักฐาน พยานบุคคล ทั้งผู้เสียหายและน้องสาวของผู้เสียหายเองนั้น ซึ่งผู้เสียหายก็ถือเป็นประจักษ์พยานโดยตรงแล้ว และเรายังมีกล้องวงจรปิดค่อนข้างชัดเจนว่ามีใครทำอะไรบ้าง

"การแบ่งหน้าที่กันทำก็ถือว่าเป็นการร่วมกันกระทำแล้ว ไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องลงไม้ลงมือร่วมกันหมด เพียงแต่ไปในที่จุดเกิดเหตุแล้วยืนอยู่โดยไม่ห้ามปราม ทั้งที่รู้ว่ามีคนถูกทำร้าย แบบนี้ทางกฎหมายถือว่าเป็นการร่วมกัน" นายวัชรินทร์ ระบุ

นายวัชรินทร์ เผยอีกว่า สำหรับกรอบระยะเวลา 2 สัปดาห์ ที่คณะพนักงานสอบสวนเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหานั้น เราจะมีการสอบสวนให้ครบ และเมื่อเสร็จสิ้นการสอบสวนแล้ว คณะพนักงานสอบสวนจะมีการประชุมสรุปสำนวน และส่งให้พนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวนตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนทำความเห็นสั่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบต่อไป

ขณะที่ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยว่า สำหรับท่าทีของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 ราย ในวันนี้ ทุกคนค่อนข้างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีการเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามนัดหมาย โดยมีการเตรียมทนายความส่วนตัว และอาจจะมีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนในส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อตัวผู้ต้องหาเอง ซึ่งหลังจากนี้หากผู้ต้องหามีประเด็นส่งเข้ามาให้เราสอบสวนเพิ่ม เราก็จะพิจารณาให้ครบถ้วน ก่อนที่จะสรุปสำนวนลงความเห็นส่งฟ้องต่อไป

พร้อมกันนี้ นายวัชรินทร์ เผยถึงความคืบหน้าคดี "เป้รักผู้การเท่าไหร่" ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว โดยวานนี้ (8 ก.ค.) ทราบว่าทางพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้มีการนัดมาสั่งฟ้องแล้ว แต่เนื่องด้วยมีผู้ต้องหาหลายราย จึงได้มีการเลื่อนคดี โดยอัยการคดีทุจริตฯ มีการเลื่อนไปเป็นวันที่ 31 ก.ค.นี้ หากมาครบทุกราย ก็จะได้มีการสั่งฟ้องไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ต่อไป

- 006

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • รวบคาด่าน 2 โจ๋ซุกยาบ้า 22,000 เม็ด ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ รวบคาด่าน 2 โจ๋ซุกยาบ้า 22,000 เม็ด ใต้เบาะรถจักรยานยนต์
  • พ่อร่ำไห้แทบขาดใจ ลูกชายวัย17 ขับจยย. อัดท้ายสิบล้อเสียชีวิต พ่อร่ำไห้แทบขาดใจ ลูกชายวัย17 ขับจยย. อัดท้ายสิบล้อเสียชีวิต
  • เดินหน้าปราบ\'แว้น\' \'ปิดกรุงเทพซิ่ง 2568\' จับ 18 ผู้ต้องหา ยึดรถ 17 คัน เดินหน้าปราบ'แว้น' 'ปิดกรุงเทพซิ่ง 2568' จับ 18 ผู้ต้องหา ยึดรถ 17 คัน
  • \'ตร.ไซเบอร์\'จ่อชง\'อสส.\'เอาผิด\'ฮุนเซน\'ปมคลิปเสียง 14 ก.ค.นี้ เอาผิด ม.116 -พ.ร.บ.คอมฯ 'ตร.ไซเบอร์'จ่อชง'อสส.'เอาผิด'ฮุนเซน'ปมคลิปเสียง 14 ก.ค.นี้ เอาผิด ม.116 -พ.ร.บ.คอมฯ
  • เร่งล่า\'ก๊ก อาน\' ตัวการใหญ่แก๊งคอลฯ ยังไม่พบโยงนักการเมืองไทย เร่งล่า'ก๊ก อาน' ตัวการใหญ่แก๊งคอลฯ ยังไม่พบโยงนักการเมืองไทย
  • ​เคสสีกาฉาวลาม! ‘กมธ.ศาสนาฯ’ยันลุยสอบปม‘เจ้าคุณดัง’ ​เคสสีกาฉาวลาม! ‘กมธ.ศาสนาฯ’ยันลุยสอบปม‘เจ้าคุณดัง’
  •  

Breaking News

ฝนตกหนักถนนลื่น! เก๋งเสียหลักตกถนนสายน่าน-ร้องกวางบาดเจ็บ

‘พัทลุง’สลด! พบศพผัวเมียรับซื้อน้ำยาง ถูกยิงดับคู่ในบ้าน ตร.คาดทะเลาะกัน

เชียงรายอ่วม!ฝนหนักทำน้ำท่วม 15 อำเภอ ปภ.เร่งสำรวจความเสียหายช่วย ปชช.

ยิปซีพยากรณ์ดวงรายวัน ประจำวันเสาร์ที่ 12 ก.ค.68

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved