ช็อก!พบพระสงฆ์มั่วสีกากว่า20รูป

‘บิ๊กเต่า’รอเชือด

เตือนสึกแล้วหนีก็ไม่รอด

มหาเถรฯเรียกสอบรายตัว

ใครไม่มาโดนโทษหนัก

‘ทิดประดิษฐ์’คืนบัญชีวัด

“บิ๊กเต่า” เดินหน้าเปิดปฏิบัติการ “ล้างบางพระฉาว”เข้าพบ “สมเด็จพระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย” ขอความร่วมมือออกหนังสือเรียกพระผู้ใหญ่ที่มีเอี่ยวสัมพันธ์“สีกา ก.” เข้าให้ปากคำ หลังพบหลายรูปกระโดดกำแพงหนีหาย ไร้ร่องรอย หากใครฝ่าฝืนไม่มาตามนัดเจอโทษหนักทางวินัยสงฆ์ เผยพัวพันสีกา ก. กว่า 20 รูป รอประเคนข้อหา

นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้ากราบนมัสการ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย ที่วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมาเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหากรณีพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หลายรูปกระทำผิดวินัยสงฆ์อย่างร้ายแรงถึงขั้นปาราชิก โดยมีความสัมพันธ์กับสีกา ก. กว่า 20 รูป แล้วยังพบว่า มีพระสงฆ์อย่างน้อย 4-5 รูป ที่ยังหลบหนีออกจากวัด และยังไม่ลาสิกขาบท มีความพยายามในการหลบหนี และใช้ช่องทางทางกฎหมาย ปฏิเสธการเข้าพบและให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ก่อนหน้านี้ มีการประสานกันระหว่างมหาเถรสมาคม กับเจ้าหน้าที่ถึงแนวทางการดำเนินการกับพระทั้งหมดที่กระทำผิด ภายหลังจากการหารือร่วมกันประมาณ 1 ชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า การหารือในวันนี้เป็นไปด้วยดี โดยทางคณะสงฆ์ระดับชั้นผู้ใหญ่ ให้ความร่วมมือและหาทางแก้ไข ในการหารือวันนี้ ทางมหาเถรสมาคมจะเป็นผู้ดำเนินการออกหนังสือเรียกตัวพระที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และยังคงหลบหนี มาดำเนินการตามขั้นตอนโดยใช้ข้อบังคับของคณะสงฆ์อย่างเร่งด่วน

“ทิดแล”เข้าพบตำรวจ

จากนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ และคณะจะเดินทางกลับ ไปที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อสอบปากคำ พระครูสิริวิริยธาดา หรือ “ทิดแล” อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ซึ่งในวันนี้เดินทางเข้าให้ข้อมูลที่ บก.ปปป.เกี่ยวกับสีกา ก.

มีข้อมูลว่า ทางมหาเถรสมาคมมีความกังวลในเรื่องนี้ หลังพบพระสงฆ์ระดับชั้นผู้ใหญ่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม จนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ประกอบกับก่อนหน้านี้มีภาพข่าวทางสื่อมวลชนว่า ตำรวจบุกจับพระสึก ซึ่งเป็นภาพที่สร้างความเสียหาย ความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนา

มีรายงานว่าหากบรรดาทิดที่พัวพันสีกาก.มารายงานตัวแล้วหากรายใดทำผิดกฎหมายก็จะถูกดำเนินคดีทันที

ต่อมาเมื่อเวลา 12.05 น. อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ได้เดินทางมายัง บก.ปปป.เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง หลังตกเป็นข่าวเรื่องความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” โดยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ปฏิเสธที่จะตอบข้อซักถามและให้ข้อมูลใดๆ แก่สื่อมวลชน ก่อนจะเดินเข้าพบเจ้าหน้าที่อย่างรวดเร็ว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เผยว่า การเชิญอดีตพระครูฯ เข้าให้ปากคำที่ บก.ปปป. นั้น เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นเรื่องภาพหลุด-คลิปหลุดและข้อมูลการโอนเงินให้กับ “สีกา ก.” ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเข้าข่ายเป็นคดีอาญาหรือไม่

รอง ผบช.ก. ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ได้เชิญอดีตพระภิกษุอีกหลายรูปที่ลาสิกขาไปแล้ว และมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมให้ปากคำ เพื่อรวบรวมข้อมูลในคดีนี้ให้ครบถ้วนที่สุด ขณะเดียวกัน การสืบสวนยังคงขยายผลไปถึงพระชั้นผู้ใหญ่ที่พบว่ามีความเกี่ยวพันกับ “สีกา ก.” ซึ่งพบว่าจำนวนผู้เกี่ยวข้องมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีแนวโน้มลดลง ในส่วนของ “สีกา ก.” เองนั้น เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาให้ปากคำเพิ่มเติมหลายครั้ง เพื่อประกอบกับหลักฐานคลิปต่างๆ ที่พบ โดยเฉพาะการระบุตัวบุคคลในภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนและถือเป็นข้อมูลลับทางคดี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า บก.ปปป. กำลังเร่งตรวจสอบข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาความจริงในทุกมิติของคดีนี้

“ทิดประดิษฐ์” แจงความบริสุทธิ์ใจ

ทางด้าน “ทิดประดิษฐ์” หรืออดีตพระเทพวชิรธีราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อชี้แจงความบริสุทธิ์ใจ โดยระบุว่า “สบายใจ ส่งมอบเอกสารสำคัญของวัดพระพุทธฉายให้แก่รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉายรูปใหม่ สมุดบัญชีธนาคาร เอกสารบัญชีรับ-จ่ายเงินวัด เอกสารที่ดินวัด เอกสารสำคัญต่างๆ ทะเบียนรถยนต์ เป็นต้น” เป็นการยืนยันว่าได้ส่งมอบทรัพย์สินและเอกสารของวัดคืนครบถ้วน

นอกจากนี้ “ทิดประดิษฐ์” ยังได้โพสต์ภาพสมุดบัญชีธนาคารส่วนตัวของตนเอง ซึ่งระบุชื่อเจ้าของบัญชีคือ พระเทพวชิรธีราภรณ์ โดยมียอดเงินคงเหลืออยู่ที่ 12,956.84 บาท พร้อมเขียนข้อความประกอบว่า “ส่วนตัวเหลือแค่นี้ แสดงความบริสุทธิ์ใจ ออกไปเกือบจะตัวเปล่า ป้องกันคนบ้าใส่ความหอบเงินวัดหนีไป” เพื่อเป็นการปฏิเสธข้อกล่าวหาหรือข้อสงสัยใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับการนำทรัพย์สินของวัดออกไป

วัดท่าพิกุลฯแจงปมเงิน”สีกา ก.

ส่วนกรณีที่มีข่าวปรากฏในโลกออนไลน์เกี่ยวกับเส้นทางการเงินของ “สีกา ก” ที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีของพระอธิการเทพคำรณ ปาสาทิโก เจ้าอาวาสวัดท่าพิกุล หนองซองแมว อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร จำนวน 16,000 บาทนั้น วันเดียวกันนี้ทางเพจเฟซบุ๊กของวัดได้ออกมาชี้แจงว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่ “สีกา ก.” โอนมาเพื่อเป็นเจ้าภาพทำบุญ 3 รายการ ได้แก่ งานบวชพระเมื่อปี 2565 (7,000 บาท), งานโรตีพระธรรมฑูตปี 2565 (4,000 บาท), และงานทำบุญแผ่นทองคำแท้ปี 2567 (5,000 บาท) รวมยอด 16,000 บาท ซึ่งตรงกับจำนวนเงินที่เป็นข่าว

ส่วนทางด้านพระครูประทีปวัชราภรณ์ เจ้าคณะตำบลบ้านกลึง และเจ้าอาวาสวัดช่างเหล็ก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยอมรับผิดกรณีตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้สำเร็จความใคร่ และถูกรีดไถเงินส่วนตัวไปกว่า 120,000 บาท โดยเจ้าอาวาสเผยว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหมือนตราบาปที่ทำให้ญาติโยมเสียใจ พร้อมประกาศเจตนาว่าจะตั้งสติให้มั่นคงกว่าเดิม และหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก จะลงโทษตนเองถึงขั้นแขวนคอหน้าโบสถ์

พระครูประทีปวัชราภรณ์ เล่าว่า เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เมื่อมีผู้หญิงใช้โปรไฟล์แม่ค้าขายโดนัททักเข้ามาทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ตีสนิทพูดคุยกันประมาณ 10 วัน ก่อนจะล่อลวงให้ท่านสำเร็จความใคร่ หลังจากนั้น หญิงคนดังกล่าวได้ข่มขู่และรีดไถเงินจากท่านเป็นครั้งคราว รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 120,000 บาท ซึ่งเป็นเงินเก็บส่วนตัวของท่านจนหมด

เมื่อเงินหมดลงและไม่สามารถจ่ายได้อีก ท่านจึงนำเรื่องเข้าปรึกษาคณะสงฆ์ฝ่ายปกครองอำเภอบางไทร และได้เข้าสารภาพยอมรับความผิดที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าเป็นการกระทำด้วยความขาดสติ “ความดีที่ปฏิบัติมาทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาพัฒนาวัด 30 กว่าพรรษา สูญสิ้นไปเพียงชั่วพริบตา” สร้างความเสียใจและตกใจแก่ญาติโยม ญาติพี่น้องของท่านเองก็รับไม่ได้ถึงขั้นไม่ยอมมาทำบุญ

พระฉาวพัวพันสีกาโผล่เมืองคอน

ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช ชาวบ้าน อ.ชะอวด รวมตัวร้องเรียนผ่านสื่อเปิดโปงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของเจ้าอาวาสวัดดัง วัย 60 ปีเศษ โดยมีหลักฐานภาพแชตเฟซบุ๊กกว่า 40 เฟรมและหลักฐานการโอนเงินจำนวนหลายครั้ง ชี้เจ้าอาวาสมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงมีสามี จนฝ่ายหญิงเรียกขาน “คุณสามี” และมีการพูดถึงสามีตนเองในลักษณะดูหมิ่น ทั้งยังขอบคุณเจ้าอาวาสที่ช่วยปลดหนี้

พฤติกรรมดังกล่าวสร้างความไม่พอใจอย่างมากในหมู่ชาวบ้าน ผู้ซึ่งเตรียมยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานพระพุทธศาสนา และเจ้าคณะอำเภอ เพื่อให้เข้าตรวจสอบและดำเนินการทางพระธรรมวินัยอย่างเร่งด่วน ประเด็นนี้กำลังได้รับความสนใจและติดตามจากสื่ออย่างใกล้ชิด

ขโมยรถโยมวันเข้าพรรษา

ด้านตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ