สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ ตามโครงการพัฒนาครูต้นแบบในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เพื่อพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาในการ “พลิกโฉมคุณภาพการศึกษาโดยพัฒนาครูให้มีศักยภาพสอดคล้องกับศตวรรษที่ 21” โดยการร่วมพัฒนากระบวนการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ไปสู่การสร้างผู้เรียนให้เป็นนวัตกร อันเป็นกิจกรรมสำคัญตามโครงการพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาด้วยรูปแบบ Active Learning สำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (1 อําเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ) ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา พร้อมกันรวม 6 จุด ในจังหวัดร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และยโสธร โดยมีครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้าร่วมอบรม ทั้งสิ้น 830 คน แยกเป็นระดับประถมศึกษา 330 คน และระดับมัธยมศึกษา 500 คน โดยมีว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นประธานในการเปิดอบรมครั้งนี้ ซึ่งการอบรมดังกล่าวมีขึ้น ในระหว่างวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา
ดร.รัตติกร ทองเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร กล่าวว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มาร่วมดำเนินการโครงการนี้ จะเป็นกําลังสําคัญในการร่วมขับเคลื่อนการดําเนินงาน โปรดให้ความสนใจในสาระสําคัญและเทคนิคกระบวนการที่วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจะได้สร้างความตระหนักรู้ในความสําคัญของการพัฒนาครูตามโครงการนี้ ขอให้ทุกท่านให้ความร่วมมือเรียนรู้จากการอบรมเชิงปฏิบัติการจนเกิดความเข้าใจในเทคนิคกระบวนการการเรียนรู้ด้วยการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps และฝึกลงมือทําจนมีทักษะอย่างเพียงพอที่จะไปมีส่วนร่วมผลักดันการปฏิรูปการเรียนรู้ระดับห้องเรียนด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ซึ่งเป็นการพัฒนานวัตกรรมการสอนของครูให้ส่งผลถึงการสร้างนวัตกรรมของนักเรียน เน้นการเพิ่มพูนมูลค่าทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้วย Soft Power ให้เกิดผลจริงเป็นรูปธรรม จนมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอะไรเป็นไปได้ที่จะเป็นผลงานนวัตกรรมที่เกิดจากการทำงานของครู และอะไรจะเป็นไปได้ที่จะเป็นนวัตกรรมของนักเรียนตามโครงการนี้
หากกิจกรรมการอบรมครั้งนี้สามารถส่งผลให้ครูนำไปพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนให้นักเรียนสร้างนวัตกรรมได้ตามเป้าหมายของโครงการฯ กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ของครูเหล่านั้นก็จะเป็นผลงานสำคัญในการพัฒนาวิชาชีพครูได้เช่นกัน
ด้าน ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา คณะกรรมาธิการการศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า การเรียนแบบเดิมที่เน้นการฟัง อ่าน ท่อง เพื่อสอบ เป็นเพียงการกระตุ้นความจำระยะสั้น ซึ่งลืมง่ายและไม่พัฒนาสมองในระยะยาว ทำให้การเรียนรู้สูญเปล่าเมื่อเด็กโตขึ้น แต่หากเปลี่ยนมาใช้รูปแบบ Active Learning ผ่านกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ที่ผู้เรียนได้ลงมือคิด ปฏิบัติ แก้ปัญหาด้วยตนเอง จะช่วยพัฒนาความจำระยะยาวและสมองได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นแนวทางที่นักการศึกษาทั่วโลกย้ำมานานกว่าร้อยปีว่า “การเรียนรู้ต้องมาจากการลงมือทำ” ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องพลิกโฉมการศึกษา ต้องเปลี่ยนทั้งระบบการเรียนรู้ เพื่อหยุดความสูญเปล่าทางการศึกษา
นางวิมลวรรณ เปี่ยมจาด ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร กล่าวว่า สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร ได้ขับเคลื่อนโครงการ “พัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ด้วยรูปแบบ Active Learning” สำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษาระดับมัธยมศึกษา โดยมีกลุ่มเป้าหมายแรกคือกลุ่มโรงเรียน “1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ” โครงการนี้ไม่เพียงพัฒนาครูผู้สอนเท่านั้น แต่ได้มีการพัฒนาให้กับศึกษานิเทศก์เพื่อทำหน้าที่เป็นโค้ช และพี่เลี้ยง ในการชี้แนะ ส่งเสริม สนับสนุน ตลอดจนสร้างเครือข่ายและชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ จะเห็นว่าเป็นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่มุ่งเน้นให้เกิดกระบวนการทำงานร่วมกันของผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วยการให้ความช่วยเหลือ แนะนำ ส่งเสริมให้เกิดการปรับปรุงการสอน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ พัฒนาทักษะคิดขั้นสูง ความคิดสร้างสรรค์ เรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นและทำงานเป็นทีมได้ สามารถบูรณาการความรู้สู่การแก้ปัญหาและสร้างนวัตกรรม
ทั้งนี้ ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ อดีตกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศึกษาในวุฒิสภา บรรยายพิเศษตอนหนึ่ง ว่า ระบบเดิมที่เน้นฟัง อ่าน ท่อง เพื่อสอบ เป็นแค่การกระตุ้นความจำระยะสั้น แม้ว่าการท่องจำจะทำให้สอบผ่าน แต่เด็กก็ลืมภายในไม่กี่สัปดาห์ และสุดท้ายสมองไม่เกิดการพัฒนา ก็เสียเวลา เสียทรัพยากร และที่เจ็บที่สุดคือเราเสีย “เด็กไทย” ไปกับระบบที่ไม่ได้เปลี่ยนพวกเขาให้ดีขึ้น แต่ GPAS 5 Steps คือจุดเปลี่ยนที่ใช้การคิดขั้นสูงเชิงระบบ ฝึกให้เด็กได้คิด วิเคราะห์ สร้างและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เป็นการจำในสมองระยะยาว ไม่ใช่ท่องจำแล้วทำข้อสอบผ่าน และนี่ก็คือแนวทางที่นักการศึกษาทั่วโลกยืนยันมาเป็นร้อยปีว่า การเรียนรู้ที่แท้จริง ต้องมาจากการลงมือทำ และถ้าเรายังไม่เปลี่ยนวันนี้ ความสูญเปล่าทางการศึกษาจะยิ่งแย่กว่าเดิมแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี