วันที่ 15 กรกฎษคม 2568 ที่อาคารกรมสอบ สวนคดีพิเศษ (DSI) นางนิลุบล พงษ์พยอม ผู้ก่อตั้งเพจเฟซบุ๊ก "กลุ่มนายจ้างที่ใช้แรงงานต่างด้าว (โครงการนายจ้างสีขาว)" และตัวแทนผู้ประกอบการ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธนวัฒน์ วงศ์อนันต์ชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เพื่อนำพยานหลักฐานมามอบให้เพิ่มเติม หลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้าตรวจค้นบริษัทฯ รับปรึกษาด้านเอกสารแรงงานต่างด้าว ย่านคลองสามวา กรุงเทพฯ เพื่อดำเนินคดีกับขบวนการรีดหัวคิวแรงงานกัมพูชารายละ 2,500 บาทนำไปฟอกเงินผ่านเจ้าหน้าที่กัมพูชา
นางนิลุบล เผยว่า วันนี้นำข้อมูลที่กลุ่มผู้เสียหายส่งมาให้ทางเพจฯ มอบให้ดีเอสไอเพิ่มเติมเกี่ยวกับขบวนการหักค่าหัวแรงงานต่างด้าวและบัญชีม้า มีการต้องโอนจ่ายค่าหัวคิวให้กับบุคคลใดบ้าง ราคาเท่าไหร่ ซึ่งหลังจากดีเอสไอลงพื้นที่ตรวจค้นเป้าหมาย เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ทำให้ล่าสุดมีการอนุมัติรายชื่อแรงงานกัมพูชาที่ค้างในระบบแล้วเกือบ 1 แสนราย และไม่มีการเก็บค่าหัวคิวแรงงาน 2,500 บาทเลย ส่วนแรงงานกัมพูชาที่จ่ายค่าหัวคิวไปก่อนหน้านี้ ทราบว่ายังมีขั้นตอนของ Calling visa ที่ต้องจ่ายเพิ่มหัวราย 300-500 บาท เพื่ออนุมัติขั้นต่อไป
นางนิลุบล เผยอีกว่า ตนมองว่าระบบออนไลน์ต่อใบอนุญาตมีปัญหา เอื้อต่อการเรียกเก็บเงิน และไม่เป็นระบบออนไลน์จริงแบบเบ็ดเสร็จโดยมติ ครม.และประกาศ กระทรวงแรงงานไม่มีรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับเอเจนซี่กัมพูชาให้ชัดเจน ทั้งนี้ ฝากข้อแนะนำ ถ้าจะต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าวหรือขึ้นทะเบียนระบบออนไลน์ ควรต้องมีมาตรฐาน มีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และตนไม่เคยทราบประกาศจากกระทรวงแรงงาน หรือ กรมการจัดหางาน ว่าค่าใช้จ่ายจริงๆ จำนวนเท่าไหร่ที่ชัดเจน ซึ่งแรงงานกัมพูชาไม่มีรายละเอียดใดๆ เลยโดยก่อนหน้านี้ เคยยื่นเอกสารให้กับ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตั้งแต่ ม.ค.68 ก่อนมายื่นเรื่องกับ ดีเอสไอ ก็ไม่ได้รับการแก้ไขหรือหนังสืบตอบกลับมาแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ดีเอสไอ ได้รับเรื่องร้องเรียนจึงดำเนินการสืบสวนปรากฏว่ามีการจ่ายค่าหัวคิวรายละ 2,500 บาท หากไม่จ่ายระบบไม่สามารถอนุมัติต่อได้ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าเป็นตามคำร้องของผู้เสียหายให้ตรวจสอบ และจะนำพยานหลักฐานไปประกอบสำนวน โดยวันนี้ผู้แทนนายจ้างเข้ามายื่นเอกสารข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการโอนเงินไปยังกลุ่มบุคคลสัญชาติกัมพูชา และมีคนไทยออกแบบวิธีการต่อใบอนุญาตเอื้อประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่กัมพูชา ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนและรู้ตัวบุคคลใครบ้างแล้ว
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา มีการเรียกสอบพยานบุคคลแล้ว 14 ปาก ทั้ง กลุ่มบัญชีม้า เจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ประกอบการ และเตรียมทยอยเรียกกลุ่มนายจ้างที่ได้รับความเดือดร้อนจากการหักค่าหัวคิว พร้อมขยายผลเส้นทางการเงินว่าค่าหัวคิวโอนไปยังใครบ้าง พบมูลค่ากว่าหลักร้อยล้าน นอกจากนี้ ในส่วนเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานที่เรียกมาสอบปากคำต่างยืนยันว่าไม่มีการจ่ายค่าหักหัวคิวแรงงานกัมพูชา ซึ่งดีเอสไอก็ต้องพิสูจน์ตามพยานหลักฐาน เช่น หลักฐานการโอนเงินเพราะมีปรากฏทั้งยอดเงินรวมและยอด 2,500 บาท หรือ พยานผู้เสียหายว่าจ่ายเงินให้กับบุคคลใด หากใครปฏิเสธว่าไม่ได้มีการรับเงินก็เป็นข้อต่อสู้ในคดี หากพบกระทำผิดก็ไม่ละเว้นทั้งเจ้าหน้าที่กัมพูชาและไทย
"ส่วนบัญชีม้า อยู่ระหว่างขยายผลสืบสวนเรียกบุคคลมาสอบปากคำ ว่าเป็นผู้ถือบัญชีจริงหรือไม่ แม้การกระทำความผิดในประเทศ ไทยแต่มีเจ้าหน้าที่รัฐกัมพูชา ต้องดูองค์ประกอบเข้าข่ายความผิดอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่ นอกจากนี้ ส่วนจะเรียก นายพิพัฒน์ อดีต รมว.แรงงาน มาให้ข้อมูลเพราะนโยบายในสมัยท่านปรับวิธีการต่อใบอนุญาต ก็ต้องพิสูจน์ตามหลักฐาน แต่ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น"
ด้าน น.ส.ชิษณุชา จารุพันธ์ ตัวแทนนายจ้าง เผยว่า ได้รับผลกระทบจากการต่อใบอนุญาตแรงงานกัมพูชาแต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ จึงติดต่อเอเจนซี่ประเทศต้นทาง อ้างให้ชำระค่า Name List คนละ 5,000 บาท หากไม่จ่ายก็ไม่อนุมัติ แต่เราไม่ยอมจ่ายเพราะไม่ใช่มติ ครม. และไม่มีในกฎระเบียบข้อนี้ แต่หลังจากดีเอสไอลงตรวจค้นขบวนการดังกล่าว ระบบกลับมาอนุมัติได้ตามปกติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี