รร.กทม. ปี 68 มุ่งพัฒนาภาษานักเรียน เพิ่มศักยภาพครู ตั้งเป้าสอบ ‘CEFR’ สิงหานี้ วัดระดับภาษาอังกฤษผ่านเกณฑ์เพิ่มขึ้น 15%
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษโนงเรียนสังกัดกทม. ว่า ช่วงเดือนสิงหาคมนี้ จะมีการจัดสอบวัดระดับความสามารถภาษาอังกฤษ ตามกรอบมาตรฐานสากล CEFR (Common European Framework of References for Languages) ของครูและนักเรียนในสังกัดกทม. อีกครั้ง ภายหลังจากสำนักการศึกษา (สนศ.) ได้จัดสอบไปเมื่อปี 2567 ซึ่งที่ผ่านมาโรงเรียนสังกัดกทม. ไม่เคยมีการสอบวัดมาตรฐานครูและนักเรียนมาก่อน โดยแต่ละโรงเรียนจะออกข้อสอบของตัวเอง จึงไม่มีเกณฑ์กลางในการวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษ แต่การจัดสอบ CEFR ครั้งนี้ เป็นการใช้ข้อสอบมาตรฐานสากลเข้ามาช่วยในการวัดประเมินทักษะทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด
"หัวใจหลักของการเรียนภาษาอังกฤษ คือเด็กต้องได้พูดได้ฝึกใช้ภาษา ที่ผ่านมา 1 ห้องเรียนมีครู 1 คนต่อเด็กนักเรียน 40 คน เชื่อว่าไม่สามารถที่จะได้ฝึกพูดครบทุกคน จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการสอน โดยนำวิชาภาษาอังกฤษไปเรียนในห้องคอมพิวเตอร์แทน ซึ่งให้ห้องคอมพิวเตอร์แต่ที่ละนั่งจะมีหูฟังประจำ ทำให้เด็กใช้ฟังและฝึกพูดโต้ตอบได้ โดยได้พัฒนาโปรแกรม AI ขึ้นมาในการประมวลคำตอบที่ถูกต้อง รวมทั้งให้เด็กได้เรียนรู้คำศัพท์และฝึกแต่งประโยค หากผิดโปรแกรม AI ก็จะแก้ไขคำที่ถูกต้องให้ ทำให้ได้เรียนรู้ครบทั้ง ฟัง พูด อ่าน และเขียน ดังนั้นถ้าเด็กไม่ได้ฝึกพูดก็จะไม่มีทางที่จะพัฒนาเพราะปัจจุบันเด็กจะถูกสอนให้ใช้แต่ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ (Grammar) ขณะนี้มีการเรียนการสอนอยู่ เชื่อว่าในช่วงเดือนสิงหาคม ที่มีการทดสอบก็น่าจะดีขึ้น" รองผู้ว่าฯ ศานนท์ กล่าว
ทั้งนี้ ผลสอบ CEFR ของปีที่ผ่านมา มีเด็กนักเรียนสังกัดกทม.ในระดับชั้น ป.5-ป.6 ผ่านเกณฑ์ในระดับพื้นฐาน (A1) ทุกทักษะคือการฟัง การอ่าน การเขียน และการพูดเพียงแค่ 3% ดังนั้นในปีนี้เราจึงคาดหวังว่าอย่างน้อยต้องดีขึ้น 15% ในส่วนของครูด้วยเช่นกัน ซึ่งความจริงต้องผ่านเกณฑ์ในระดับกลาง (B1) ที่จากผลการทดสอบครั้งที่ผ่านมาพบว่ายังคงมีน้อยอยู่
อย่างไรก็ดี เนื่องจากที่ผ่านมา กทม.ขาดแคลนครูภาษาอังกฤษ จึงมีการเติมครูที่ไม่ตรงสาขามาสอน จึงกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ทำให้มีครูที่จบภาษาอังกฤษโดยตรงมีน้อยมาก พอเปิดบรรจุใหม่ จึงจัดให้มีการคัดเลือกครูภาษาอังกฤษเป็นลำดับต้นๆ และพยายามบรรจุครูภาษาอังกฤษเข้าไปในระบบให้มากที่สุด ทำให้ขณะนี้ยังเหลืออยู่ราว 15% ที่ยังมีครูไม่ตรงสาขาสอน แต่ถึงแม้จะตรงสาขาหรือไม่ตรงสาขาก็ใช้การสอนในรูปแบบเดียวกัน แล้วครูก็จะต้องผ่านเกณฑ์ในระดับกลาง (B1) ด้วย โดยตั้งเป้าว่า ผลการสอบในช่วงเดือนส.ค.นี้ ทั้งครูและนร.จะต้องผ่านเกณฑ์มากขึ้นกว่าปีที่แล้ว
ด้านนางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กล่าวว่า ผลการเรียนการสอนนักเรียนกทม.ที่ผ่านมา ด้านภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ยังไม่ดีเท่าไร ในปีนี้จะพัฒนาเติมเต็มในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่ผู้ว่าฯ เน้นว่านักเรียนจะต้องสื่อสารได้ เรามีการสอบ CEFR ทดสอบ 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน เรื่องของการฟังและอ่าน เด็กพอได้ แต่จะอ่อนการพูดและเขียน ซึ่งเราจะเติมเต็มด้วยการฝึกกับ AI ให้เรียนผ่อนจอคอม เด็กจะกล้าพูด ในปี 68 จะใช้ระบบ AI นี้กับนักเรียนชั้น ป.5 รวมถึงครูก็จะมีการฝึกอบรมเพื่อให้ส่งต่อการสอนให้นักเรียน โดยจะมีการสอบ CEFR ในเดือนสิงหาคมนี้เช่นกัน
037
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี