สารเอโทมิเดต (etomidate) ในบุหรี่ไฟฟ้ากับโทษตามกฎหมายใหม่

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศเรื่อง ระบุชื่อวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ฉบับที่ 2 พ.ศ 2568 ซึ่งประกาศดังกล่าวได้กำหนดสารประเภทหนึ่งคือเอโทมิเดต (etomidate) ให้เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ซึ่งในวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 นั้น มีตัวอย่างอัตราโทษสำหรับกรณีการกระทำความผิดดังต่อไปนี้

ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 700,000 บาท

จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ที่ผิดมาตรฐาน จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นำเข้าหรือส่งออกวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ที่เสื่อมคุณภาพ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ที่เสื่อมคุณภาพ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นต้น

โดยตัวอย่างวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ได้แก่

อัลพราโซแลม (alprazolam)

คีตามีน (ketamine)

มิดาโซแลม (midazolam)

ไนเมตาซีแพม (nimetazepam)

ไนทราซีแพม (nitrazepam)

เฟนเทอร์มีน (phentermine)

ซึ่งหากภายหลังที่มีการประกาศราชกิจจานุเบกษา ครบถ้วนตามกระบวนการทางกฎหมายแล้วสารเอโทมิเดต (etomidate)  จะถือว่า มีโทษตามที่กำหนดไว้ข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีจำหน่าย นำเข้า มีไว้ครอบครอง ซึ่งล้วนเป็นคดีข้อหาที่ยอมความไม่ได้ และมีอัตราโทษที่สูงพอสมควร นอกจากนี้สารดังกล่าวนั้นพบว่าเป็นส่วนผสมของบุหรี่ไฟฟ้าในบางรุ่น

ซึ่งเมื่อสารดังกล่าวถูกบัญญัติเข้าอยู่ในวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 แล้ว จะถูกใช้หลักตามกฎหมายยาเสพติดเข้ามาในการพิจารณาคดีโดยเฉพาะกรณีที่ร่วมการกระทำความผิด 2 คนขึ้นไปซึ่งตามกฎหมายยาเสพติดจะเรียกว่าสมคบ "ความผิดฐานสมคบกันกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด“ผู้ใดสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทําความผิดเกี่ยวกับยา เสพติดผู้นั้นสมคบกันกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด.." หลักกฎหมายความผิดฐานสมคบ (Conspiracy) ซึ่งในต่างประเทศรวมถึงประเทศไทยนิยมใช้ในคดีที่เป็นลักษณะปกปิด อาทิเช่นคดียาเสพติด ดังนั้นการซื้อขาย บุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารดังกล่าวเกิดที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงแล้ว อาจจะเข้าข่ายกรณีเป็นการสมคบการกระทำความผิดซึ่งเป็นองค์ประกอบทางกฎหมายแล้ว

 037