มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยสถาบันฟีโนมแห่งชาติ ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมภาคีเครือข่ายวิชาการ และคณะแพทยศาสตร์ Imperial College London สหราชอาณาจักรฯ จัดงานประชุมวิชาการความร่วมมือระดับนานาชาติ หัวข้อ “การใช้ประโยชน์จากการแพทย์ฟีโนมและปัญญาประดิษฐ์เพื่อยกระดับสุขภาพอย่างชาญฉลาด”
วันที่ 3 ก.ย.68 มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยสถาบันฟีโนมแห่งชาติ ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายทางวิชาการ และคณะแพทยศาสตร์ Imperial College London สหราชอาณาจักรฯ จัดงานประชุมวิชาการความร่วมมือระดับนานาชาติ หัวข้อ “การใช้ประโยชน์จากการแพทย์ฟีโนมและปัญญาประดิษฐ์เพื่อยกระดับสุขภาพอัจฉริยะ” ณ ห้อง Ballroom โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพมหานคร โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก British Council สหราชอาณาจักรฯ การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการแพทย์ฟีโนม ปัญญาประดิษฐ์ และนโยบายสุขภาพดิจิทัล เพื่อยกระดับการแพทย์แม่นยำและการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นเวทีการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญนานาชาติที่มีประสบการณ์ตรงในการประยุกต์ใช้การแพทย์ฟีโนมในระบบสาธารณสุขของสหราชอาณาจักรฯ ออสเตรเลีย จีน และสิงคโปร์
หลักการและความจำเป็นในการจัดงานประชุม สืบเนื่องจากประเทศไทยและสังคมโลกกำลังเผชิญความท้าทายด้านสุขภาพที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) การดื้อยาปฏิชีวนะ และความต้องการในการพัฒนาแนวทางการแพทย์เฉพาะบุคคล การแพทย์ฟีโนม (Phenomic Medicine) ซึ่งเป็นการต่อยอดจากจีโนมิกส์ จึงมีบทบาทสำคัญในการทำความเข้าใจข้อมูลสุขภาพของบุคคลแบบองค์รวม ตั้งแต่ระดับพันธุกรรม ชีววิทยา พฤติกรรม ไปจนถึงสิ่งแวดล้อม เมื่อผสานกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเพิ่มศักยภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและแม่นยำ นำไปสู่การวินิจฉัยที่รวดเร็ว การรักษาที่ตรงจุด และการกำหนดนโยบายสุขภาพที่ยั่งยื
การจัดงานประชุมวิชาการความร่วมมือระดับนานาชาติครั้งนี้ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะเวทีเชื่อมโยงนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แนวคิด และประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเรียนรู้จากการประยุกต์ใช้การแพทย์ฟีโนมในระบบสาธารณสุขของสหราชอาณาจักรฯ ออสเตรเลีย จีน และสิงคโปร์ ที่สะท้อนถึงการบูรณาการวิทยาศาสตร์สุขภาพและเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับระบบสุขภาพจริง ซึ่งจะเป็นต้นแบบสำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพไทยสู่มาตรฐานสากล
วัตถุประสงค์ของการจัดงานคือ 1. ส่งเสริมและขับเคลื่อนองค์ความรู้ด้านฟีโนมิกส์ เพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์สุขภาพที่ครอบคลุม ลึกซึ้ง และตอบโจทย์ความต้องการของระบบสาธารณสุข 2. บูรณาการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ กับการแพทย์ฟีโนม เพื่อยกระดับแนวทางการแพทย์แม่นยำ และการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล 3. เปิดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ ระหว่างคณาจารย์ แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักศึกษา และผู้สนใจ 4. เรียนรู้จากประสบการณ์จริงของต่างประเทศ โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้การแพทย์ฟีโนมิกส์ในระบบสาธารณสุขของออสเตรียและสหราชอาณาจักรฯ เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาระบบสุขภาพไทย 5. สนับสนุนการกำหนดนโยบายด้านสุขภาพดิจิทัลและการแพทย์แม่นยำ ที่ตอบโจทย์ความท้าทายด้านสุขภาพทั้งในระดับชาติและนานาชาติ และ 6. สร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านวิชาการและการวิจัยระดับนานาชาติ เพื่อขยายโอกาสในการพัฒนาและต่อยอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ
ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) กล่าวว่า“การประชุมครั้งนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนบทบาทของประเทศไทยในการบูรณาการวิทยาศาสตร์ข้อมูลสุขภาพ ฟีโนมิกส์ คลินิก และนโยบาย เข้าสู่ระบบสุขภาพที่ชาญฉลาดและยั่งยืน การแพทย์ฟีโนมและปัญญาประดิษฐ์ได้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานเชิงความรู้ที่จะยกระดับประเทศทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม”
ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า “การประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการบูรณาการองค์ความรู้ด้านฟีโนมิกส์และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อสร้างระบบสุขภาพที่ชาญฉลาดและยั่งยืน ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกและการสนับสนุนจาก British Council สะท้อนถึงศักยภาพของไทยในการก้าวเข้าสู่เครือข่ายวิชาการนานาชาติ และเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการพัฒนานวัตกรรมและนโยบายด้านสุขภาพในอนาคต”
รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น “มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดประชุมวิชาการความร่วมมือนานาชาติครั้งนี้ ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงนักวิชาการจากนานาประเทศ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านฟีโนมิกส์และ ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อก้าวสู่การพัฒนาระบบสุขภาพที่ตอบโจทย์ความท้าทายในอนาคต ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งประเทศไทยและภูมิภาค”
Ms. Anna Pearson ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรฯประจำกรุงเทพฯ กล่าวว่า “ความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสหราชอาณาจักรฯ และประเทศไทยที่มีมายาวนานกว่า 170 ปี โดยเฉพาะในมิติด้านการวิจัยและนวัตกรรม การประชุมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของทั้งสองประเทศในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และองค์ความรู้ มาสร้างระบบสุขภาพที่แข็งแกร่งและสังคมที่ ยั่งยืนร่วมกัน”
Prof. Elaine Holmes, Center for Computational and Systems Medicine, Australian National Phenome Centre, Murdoch University กล่าวว่า “ประสบการณ์ของประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย จีน และ สิงคโปร์ ชี้ให้เห็นว่า ความสำเร็จของการขับเคลื่อนการแพทย์ฟีโนมิกส์เกิดจากการบูรณาการระหว่างนโยบายที่ชัดเจน โครงสร้างพื้นฐานข้อมูลสุขภาพที่แข็งแกร่ง และความร่วมมือระหว่างนักวิชาการ ภาครัฐ และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพและนวัตกรรมที่ยั่งยืน”
Assoc. Prof. Jia Li, Faculty of Medicine, Imperial College London กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านฟีโนมิกส์และปัญญาประดิษฐ์สู่ประเทศไทย ฉันเชื่อว่าจะนำไปสู่ความก้าวหน้าเชิงวิชาการและการพัฒนาระบบสุขภาพที่ตอบโจทย์ในประเทศไทยอย่างแน่นอน”
ผศ. ดร.จุฑารพ เพชระบูรณิน ผู้อำนวยการสถาบันฟีโนมแห่งชาติ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า “การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีวิชาการ แต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่ง ทั้งในมิติการวิจัย การพัฒนา และการประยุกต์ใช้จริง เพื่อผลักดันการแพทย์ฟีโนมและ AI ไปสู่การยกระดับสุขภาพของประชาชนในไทยอย่างแท้จริงในอนาคตอันใกล้”
036
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี