ไต่สวน 3 แพทย์ใหญ่‘รพ.ตำรวจ’คดี‘ทักษิณ’นอนชั้น14 ยันให้การรักษาตามจรรยาบรรณ ไม่ทราบเรื่องกระบวนการส่งตัวกลับเรือนจำ  

18 กรกฎาคม 2568 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  ถ.ราชดำเนินใน ศาลนัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 กรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 4

วันนี้เป็นการไต่สวนพยานกลุ่มแพทย์ของรพ.ตำรวจจำนวน 6 ปาก โดยช่วงเช้าศาลไต่สวนพยานได้แก่ พล.ต.ท.นพ.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. อดีตนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ , พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่ (สบ 8) อดีตรองแพทย์ใหญ่  รพ.ตำรวจ และพ.ต.อ.ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ. 5) แพทย์เจ้าของไข้ ที่รับตัวนายทักษิณคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566

พยานปากแรก พล.ต.ท.นพ.โสภณรัตน์ และ พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เบิกความว่าบริเวณห้องพักชั้น 14 มีผู้ป่วยมาพักก่อนหน้าอยู่แล้ว เพราะเป็นช่วงที่โรงพยาบาลทำการกักตัวผู้ป่วยโควิด ทำให้ต้องใช้ห้องพักผู้ป่วยทุกห้อง

ส่วน พ.ต.อ.นพ.ชนะ เบิกความถึงอาการในช่วงเข้ารับการรักษาของนายทักษิณ โดยพยานได้โทร.ปรึกษาเกี่ยวกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคหัวใจด้วย โดยระหว่างการรักษาตัว นายทักษิณมีอาการป่วยด้วยโรคอื่น แพทย์แนะนำให้ผ่าตัด แต่นายทักษิณปฏิเสธการผ่าตัด ทั้งนี้แพทย์ยืนยันว่าให้การรักษาตามจรรยาบรรณของแพทย์ ไม่รู้เกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับการส่งตัวหรือการส่งกลับผู้ป่วยที่มาจากเรือนจำ โดยวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 นายทักษิณออกจากรพ. ตนก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากกรมราชทัณฑ์ ส่วนนายทักษิณ มีอาการป่วยบางช่วง ตนก็คิดว่าน่าจะกลับไปรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์

สำหรับช่วงบ่าย พยานที่จะเข้าเบิกความ คือ พล.ต.ต.นพ.สามารถ ม่วงศิริ รองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ , พล.ต.ต. ศุภฤกษ์ พัฒนปรีชากุล นายแพทย์ (สบ 7) และ พล.ต.ท.นพ.สุรพล เกษประยูรอดีต แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการสืบพยานคดี บังคับโทษ อดีตนายกรัฐมนตรีนัดที่ 5 ว่า วันนี้จะสืบพยานแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจคือแพทย์ใหญ่คนปัจจุบันและแพทย์ใหญ่ในอดีต และทีมแพทย์รักษา นายทักษิณ รวม 6 คน  ซึ่งการไต่สวนในวันนี้น่าจะใช้เวลาพอสมควร ซึ่งจะมีรายละเอียดที่ศาลให้ความสนใจ อยากทราบ นอกจากนี้ยังมีเอกสารที่เกี่ยวข้อง กับเวชระเบียน หรือ บันทึกการรักษา รวมถึงประวัติการรักษาตัวที่ต่างประเทศของนายทักษิณ ซึ่งทั้งหมดต้องเป็นการนำข้อเท็จจริงขึ้นสู่ศาล ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ และ ตนได้ตั้งคำถามไว้ล่วงหน้า แต่ก็ต้องดูว่าศาลจะอนุญาตหรือไม่ โดยเป็นดุลยพินิจของศาล

-005