ชลประทานพิษณุโลก เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ ที่ประตูระบายน้ำบางแก้ว พร่องน้ำแม่น้ำยมสายเก่า 5 ลบ.ม.ต่อวินาที 5 เครื่อง เตรียมรับมือพายุโซนร้อน “วิภา” หลังระดับน้ำเริ่มวิกฤติ ต่ำกว่าตลิ่งเพียง 45 เซนติเมตร หวั่นฝนหนักจากพายุซ้ำเติมพื้นที่เสี่ยงท่วม

22 กรกฎาคม 2568 เวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณประตูระบายน้ำบางแก้ว อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก พบเจ้าหน้าที่สำนักงานชลประทานที่ 3 เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อพร่องน้ำจากคลองบางแก้วลงสู่แม่น้ำยม รองรับมวลน้ำจากต้นน้ำและผลกระทบจากพายุโซนร้อน “วิภา” ที่คาดว่าจะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือช่วง 2–3 วันนี้

โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่แบบไฮโดรโฟ จำนวน 4 เครื่อง ขนาด 42 นิ้ว สามารถระบายน้ำได้เครื่องละ 3.5 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พร้อมเครื่องสูบน้ำแบบทุ่นลอย ขนาด 5 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รวมทั้งหมด 5 เครื่อง จะสามารถพร่องน้ำได้สูงถึง 19 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ช่วยเพิ่มอัตราการระบายน้ำจากพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยเฉพาะบริเวณชุมชนและพื้นที่เพาะปลูกลงสู่แม่น้ำยมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายชวลิต สุราราช ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 3 เปิดเผยว่า เวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา สถานการณ์น้ำแม่น้ำยมที่สถานีเฝ้าระวัง Y16 อำเภอบางระกำ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 218.80 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำอยู่ที่ +6.85 เมตร รสม. ต่ำกว่าตลิ่งเพียง 45 เซนติเมตร แม้ระดับน้ำเริ่มทรงตัว แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำต้นน้ำ ที่รับจาก จ.สุโขทัยและ จ.แพร่ ที่ผ่านมา ประกอบกับจะมีพายุฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุ “วิภา”

ขณะเดียวกัน สำนักงานชลประทานที่ 3 โดยส่วนเครื่องจักรกล ร่วมกับฝ่ายปฏิบัติการสูบน้ำที่ 2 ได้รับคำสั่งให้เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณประตูระบายน้ำบางแก้ว พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังจุดเสี่ยงน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง และประสานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่าน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เตรียมพร้อมทั้งเครื่องมือและแผนปฏิบัติการฉุกเฉิน

ด้านนายธีรศักดิ์ ศรีสมพงษ์ นายอำเภอบางระกำ ระบุว่า พายุโซนร้อน “วิภา” ขณะนี้กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่เวียดนาม และคาดว่าจะอ่อนกำลังลงเมื่อเข้าสู่ประเทศลาวและภาคเหนือของไทยในช่วงวันที่ 22–24 กรกฎาคมนี้ โดยอาจก่อให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ รวมถึงจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งอาจเสี่ยงเกิดน้ำป่าไหลหลาก ฝนสะสม และน้ำท่วมฉับพลันได้ในบางจุด

จึงขอความร่วมมือประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำและริมแม่น้ำ ให้ติดตามประกาศแจ้งเตือนจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยติดเตียง

ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือแจ้งขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ สามารถติดต่อสายด่วนกรมชลประทาน โทร. 1460 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.

012