สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในจังหวัดบุรีรัมย์ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยมีการสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติมในหลายจุด หลังได้รับรายงานว่ากองทัพกัมพูชาหันปากกระบอกปืนมายังพื้นที่ใหม่ อีกทั้งยังพบกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่ห่างจากชายแดนถึงกว่า 40 กิโลเมตร และมีการจับกุมชายชาวกัมพูชาต้องสงสัย 2 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดวันนี้ (26 ก.ค.68) สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ยังคงตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นายอำเภอละหานทรายและนายอำเภอบ้านกรวดได้สั่งอพยพประชาชนในตำบลโนนเจริญและอีกหลายจุดเป็นการเร่งด่วน ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมามีเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นเป็นระยะ ทำให้ชาวบ้านต่างเร่งขนข้าวของเพื่อย้ายไปยังศูนย์อพยพอย่างหนาแน่น ส่งผลให้เส้นทางจากอำเภอละหานทรายไปยังอำเภอนางรองมีรถยนต์ของผู้อพยพจำนวนมาก

นายบุญมี ลอยสนั่น ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 8 ตำบลเขาดินเหนือ อำเภอบ้านกรวด เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าตนได้รับคำสั่งจากนายอำเภอให้เตรียมการอพยพ เนื่องจากหน่วยข่าวกรองแจ้งว่าทหารกัมพูชาหันกระบอกปืนมายังทิศทางหมู่บ้านของตน กระทั่งเวลา 14.00 น. จึงเริ่มได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้อพยพออกไปแล้ว เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ ชรบ. ประจำหมู่บ้านคอยดูแลบ้านเรือน แต่หมู่บ้านประสบปัญหาขาดแคลนบังเกอร์ เนื่องจากพื้นที่นี้เคยเป็นพื้นที่ปลอดภัยและไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

รายงานข่าวล่าสุดที่น่าตกใจระบุว่า พบกระสุนปืนใหญ่ตกในไร่ยางพาราของชาวบ้านที่บ้านตาจง 3 ลูก และที่บ้านโคกว่าน ตำบลตาจงอีก 1 ลูก นอกจากนี้ ยังมีกระสุนปืนใหญ่ตกลงที่บ้านยายแย้มวัฒนา ตำบลยายแย้ม อำเภอเฉลิมพระเกียรติอีก 1 ลูก ซึ่งจุดนี้อยู่ห่างจากแนวชายแดนมากถึงกว่า 40 กิโลเมตร สะท้อนให้เห็นถึงพิสัยการยิงที่ไกลขึ้นของปืนใหญ่

นอกจากการปะทะแล้ว ยังมีรายงานการจับกุมชายชาวกัมพูชา 2 คนในเขตพื้นที่อำเภอละหานทราย จากการสอบประวัติพบว่าทั้งสองคนลักลอบเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว และจากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ พบมีการบันทึกภาพหน้าจอตำแหน่งที่อยู่ในบริเวณตำบลตาจง อำเภอละหานทราย รวมถึงมีการสนทนาทางเฟซบุ๊กกับบุคคลชื่อ "มอโน" ซึ่งเป็นชาวพนมเปญ ประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุตำแหน่งที่แน่นอนจากข้อมูลในโทรศัพท์