ผู้นำทหาร2ฝ่ายตั้งโต๊ะเจรจา
เห็นชอบ7ข้อสรุป
หยุดยิง-ห้ามเพิ่ม/เคลื่อนกำลัง
ไทยขึ้นปักธงชาติที่‘ภูมะเขือ’
หลังเดดไลน์ยังถล่มกันเดือด
ทบ.ประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ลั่นไทยต้องป้องกันตัว ชายแดนไทย-กัมพูชา ยิงยันรุ่งสาง เขมรเปิดฉากปาบึ้มปราสาทตาควาย ก่อกวนภูมะเขือทั้งคืน ปะทะอีกรอบที่ซำแต ปักธงชาติไทย “ภูมะเขือ-ช่องอานม้า-ตาเมือนธม-ตาควาย-ช่องบก” ทภ.2 สรุปสู้รบชายแดน หลังเจรจาหยุดยิง ทหารไทย โดนอาวุธวิถีโค้งโจมตีภูมะเขือ ตี1 หลายพื้นที่ปะทะยิงจบ 09.00 น. ด้าน ผู้นำทหาร2ฝ่ายหารือ ได้ข้อสรุป7 ข้อ เห็นชอบร่วมกันให้หยุดยิง ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง ระหว่างรอการประชุม GBC 4 ส.ค. นี้ ศบ.ทก.’ย้ำไทยยึดมั่นสัญญา‘หยุดยิง’ แต่จำเป็นต้องตอบโต้ตามหลักกฎหมายหลังกัมพูชาละเมิดข้อตกลง สรุปสถานการณ์ควบคุม 11 พื้นที่ ยอดอพยพ 1.8 แสนคน บาดเจ็บ 53 ราย ทบ.ยืนยันทหารเสียชีวิตเพิ่ม3ราย รวม14นาย ความคืบหน้าหลังรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหันมาเจรจายุติข้อขัดแย้ง แต่ยังมีความเคลื่อนไหวทางฝ่ายเขมรที่ยิงอาวุธใส่หลายพื้นที่ของไทย
ซัดเขมรไม่หยุดยิง-ไทยต้องป้องกันตัว
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของเขมรว่า หลังมีการบรรลุข้อตกลงสองประเทศแล้ว ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยหยุดยิงบริเวณพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชาทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึงกำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของไทยอยู่หลายจุด ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว และไทยจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล
แฉเขมรระดมยิงไทยจนถึงเช้า
พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า หลังครบกำหนดหยุดยิงตามข้อตกลงระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและรองนายกฯ กับพล.อ.ฮุน มาเนต กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่กองกำลังสุรนารี ถึงสถานการณ์ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังถึงเงื่อนเวลาหยุดยิง พบว่าในพื้นที่ภูมะเขือถูกก่อกวนโดยฝ่ายกัมพูชา และมีการยิงปะทะตอบโต้จากทั้งสองฝ่ายจนถึงเช้า นอกจากนี้ ในพื้นที่ซำแต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีการยิงปะทะเกิดขึ้นจนถึงเวลา 05.30น.
รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 พื้นที่ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.ศรีสะเกษ มีเสียงระเบิดในช่วงเวลา 03.00น.และ 05.00น.พื้นที่ ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ทหารกัมพูชาก่อกวนทหารไทยทั้งคืน มีการยิงตอบโต้ระหว่างทหารไทยกับเขมรต่อเนื่อง พื้นที่ซำแต มีการยิงตอบโต้กันจนถึงเวลา 05.30 น. นอกจากนี้ทหารกัมพูชาใช้ระเบิดเปิดฉากยิงตลอดทั้งคืน
ปักธงไทยบนภูมะเขือสำเร็จ
เมื่อเวลา 8.25 น. เพจกองทัพบก ทันกระแส ซึ่งเป็นเพจทางการของหน่วย ได้ประกาศ ปักธงชาติไทย ภูมะเขือ ช่องอานม้า ปราสาทตาเมือนธมปราสาทตาควาย แนวเขตแดนช่องบก
พร้อมชี้ว่า พื้นที่ดังกล่าวสถาปนาความมั่นคงได้เรียบร้อย
กระทั่งเวลา 8.25 น. เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพบก ทันกระแส” โพสต์ประกาศ ปักธงชาติไทย ภูมะเขือ ช่องอานม้า ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย แนวเขตแดนช่องบกได้สำเร็จ
มทภ.เปิดผลเจรจาเขมร3จุด
เวลา 10.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษก ทบ. เปิดเผยผลการประชุมหารือของผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารระดับพื้นที่ของไทยและเขมรในวันนี้ (29 กรกฎาคม) ที่เกิดขึ้นเวลา 10.00 น.ทั้งสามพื้นที่ว่า จุดแรกเป็นการประชุมระหว่างกองทัพภาคที่ 1 กับภูมิภาคทหารที่ 5 ฝ่ายกัมพูชา จัดขึ้นที่จุดผ่านแดนถาวรคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นำโดย แม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในการให้งดเคลื่อนไหวกำลังเพื่อหลีกเลี่ยงความหวาดระแวง ระหว่างรอผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซ๊) วันที่ 4 สิงหาคม และให้ผู้นำแต่ละระดับสามารถติดต่อกันโดยตรงได้เมื่อมีเหตุจำเป็น
จุดที่สอง การหารือระหว่าง กองทัพภาคที่ 2 กับ ภูมิภาคทหารที่ 4 ฝ่ายกัมพูชา จัดขึ้นที่จุดผ่านแดนช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ นำโดย แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งมีประเด็นหารือ ได้แก่ การยุติการยิงโดยทันที การห้ามใช้กำลังหรืออาวุธต่อประชาชน การงดเสริมกำลังและห้ามเคลื่อนย้ายกำลังในลักษณะที่อาจสร้างความเข้าใจผิด ตลอดจนการอำนวยความสะดวกในการส่งกลับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกัน พร้อมตั้งชุดประสานงานระดับพื้นที่ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ และจุดที่สาม การหารือระหว่างกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) กับภูมิภาคทหารที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ที่จัดประชุมผ่านระบบออนไลน์ นำโดย ผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด มีผลสรุปการประชุมเป็นไปแนวทางเดียวกับในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1
โฆษก ทบ.ยังกล่าวอีกว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนล่าสุดตั้งแต่ก่อนประชุมทั้ง 3 พื้นที่ มีการหยุดยิงตลอดแนวเป็นที่เรียบร้อย
ทภ.2แฉเขมรไม่ยอมหยุดยิง
ต่อมาเวลา 14.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ตามที่เกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเวลา 00.00 น.วันที่ 29 กรกฎาคม ปรากฏการคุกคามของกำลังกัมพูชาใน 7 เหตุการณ์ ดังนี้ 1. พื้นที่ช่องบก เกิดการปะทะด้วยปืนเล็กที่เนินโนเนมทางทิศตะวันตกช่องบก 2. พื้นที่ช่องอานม้า เวลา 05.00 น. เกิดการปะทะด้วยอาวุธยิงสนับสนุน สิ้นสุดในเวลา 09.00 น. ทั้งสองฝ่ายจัดตั้งชุดประสานงานบริเวณทิศใต้ช่องอานม้า, 3. พื้นที่ซำแต เกิดการปะทะฝ่ายเราสามารถควบคุมพื้นที่เอาไว้ได้, 4. พื้นที่ช่องตาเฒ่า ตรวจพบการนำยานพาหนะพร้อมกำลังพลเคลื่อนย้ายเข้ามาในพื้นที่ ปัจจุบันกำลังดังกล่าววางกำลังอยู่บริเวณปากช่องตาเฒ่า, 5. พื้นที่ภูมะเขือ ฝ่ายประเทศกัมพูชายังคงลาดตระเวนโดยรอบภูมะเขือ และใช้อาวุธวิถีโค้งโจมตีต่อฝ่ายเราในช่วงเวลา 01.00 น., 6. พื้นที่ปราสาทตาควายและประสาทตาเมือน ทั้งสองฝ่ายยังคงวางกำลังควบคุมพื้นที่ และ 7. ตรวจพบอากาศยานไร้คนขับไม่ทราบฝ่าย บินอยู่เหนือที่ตั้งทางทหาร และสนามบินตามแนวชายแดนหลายแห่ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าผู้ใดเป็นเจ้าของอากาศยานไร้คนขับดังกล่าว
ผู้นำทหาร2ปท.เจรจาได้7ข้อสรุป
ผลหารือระหว่างแม่ทัพภาคที่ 2 กับ ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 แม่ทัพภาคที่ 2 ได้แจ้งให้ ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ทราบดังนี้ 1. หยุดยิง, 2. ห้ามใช้กำลังต่อประชาชนคนไทย, 3. หยุดเพิ่มเติมกำลัง, 4. ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง, 5. ฝ่ายไทยจะอำนวยความสะดวกในการนำทหารกัมพูชาที่ได้รับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ออกจากพื้นที่การรบ 6. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในการจัดตั้งชุดประสานงานเพื่อแก้ปัญหาตลอดแนวชายแดนในความรับผิดชอบของ กองทัพภาคที่ 2 ฝ่ายละ 4 นาย สำหรับฝ่ายไทย ได้กำหนดให้ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เป็นหัวหน้าคณะฯ และ 7. ให้กำลังทุกส่วนลดการเผชิญหน้าทุกรูปแบบและรอผลการหารือของที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย – กัมพูชา ซึ่งจะจัดมีขึ้นวันที่ 4 สิงหาคม เพื่อนำมากำหนดเป็นแนวทางอยู่ร่วมกันอย่างสันติอีกครั้งหนึ่ง
ขอปชช.อย่าเพิ่งกลับบ้าน
ส่วนการอพยพประชาชน ทภ.2สนับสนุนส่วนราชการจังหวัดอพยพประชาชนใน 4 จังหวัดต่อเนื่อง ดังนี้ จ.บุรีรัมย์ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 1 จุด 14,551 คน, จ.สุรินทร์ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 92 จุด 54,114 คน, จ.ศรีสะเกษ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 187 จุด 47,521 คน และ จ.อุบลราชธานี อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 68 จุด 21,812 คน ปัจจุบันดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือนแล้ว 137,998 คน (เพิ่มขึ้น 18,926 คน)
ผลกระทบต่อประชาชน พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ดังนี้ บ.สกอร์ ม.12 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กระสุนปืนใหญ่ตก 4 ลูก, บ.ไทยนิยม ม.17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรนทร์ กระสุนปืนใหญ่ตก 4 ลูก กุฏิวัดได้รับความเสียหาย, บ.หนองตาเลิบ ม.14 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กระสุนปืนใหญ่ตก 10 ลูก, บ.หนองจูบ ม.2 ต.ตาเมียงฯ อ.พนมดงรัก จ.สุรนทร์ กระสุนปืนใหญ่ตก 3 ลูก บ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง, บ.ภูมิซรอลใหม่ ม.12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กระสุน BM21 ตก 4 นัด, บ.ภูมิซรอล ม.2 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กระสุน BM21 ตก 4 นัด และ บ้านเสาธงชัย ม. 1 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กระสุน BM21 ตก บ้านเรือนเสียหาย (ทุกพื้นที่ไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต)
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง
ขอให้ประชาชนที่อพยพไปยังศูนย์พักพิง และบ้านญาติพี่น้องนอกพื้นที่เสี่ยงภัย พักอาศัยอยู่ ณ ศูนย์พักพิง หรือบ้านญาติตนเอง รอการประเมินสถานการณ์ ตามแนวชายแดนกับหน่วยความมั่นคง อีกครั้ง
ศบ.ทก.ลั่นไทยจำเป็นต้องตอบโต้
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า เรื่องแรก การมีการตกลงหยุดยิงเมื่อเวลา 24.00 น. ของวันเดียวกันนี้ โดยฝ่ายไทยยืนยันว่า ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยมีการหยุดยิงในทุกพื้นที่ พอถึงกำหนดเวลาเราก็ได้หยุดยิงตามกำหนดข้อตกลงที่ให้ไว้ โดยยึดมั่นตามคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่ผ่านมาจากที่เลยกำหนดเวลาหยุดยิงไปแล้ว พิสูจน์ทราบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธ ยิงเข้ามาในเขตแดนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ไม่จริงใจ ละเมิดข้อตกลง และเป็นการทำลายความเชื่อมั่นที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน
“การกระทำของฝ่ายกัมพูชาดังกล่าว ทำให้ฝ่ายไทยมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเอง ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่ใช้เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน” พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าว
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้ปรากฏทราบว่า ทางฝ่ายกัมพูชาได้ใช้โบราณสถานเป็นโล่กำบัง ซึ่งเป็นการละเมิดพันธกรณีในการคุ้มครองทางวัฒนธรรมของสหประชาชาติ อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นที่ปรากฏชัดว่า เป็นการละเมิด และไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ข้อตกลงที่ให้กันไว้ ก็ถือโอกาสขอประณามถึงการกระทำของฝ่ายกัมพูชา
ไทยเข้าควบคุมได้11พื้นที่
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวสรุปสถานการณ์ พื้นที่การปะทะ ระหว่างไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวันเดียวกันนี้ว่า ไทยสามารถควบคุมได้มีทั้งหมด 11 พื้นที่ ประกอบด้วย ภูมะเขือ ช่องอานม้า ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย แนวเขตแดนช่องบก สัตตะโสม โดนตวล ช่องจอม ช่องสายตะกู บ้านกรวด พระวิหาร และพลาญยาว ที่ฝ่ายไทยสามารถคุมพื้นที่ได้ ณ เวลา 24.00 น.
สำหรับยอดรวมผู้อพยพมีทั้งสิ้น 188,729 คน โดยที่ผ่านมาผู้ได้รับผลที่เป็นพลเรือนมียอดเสียชีวิต 15 คน บาดเจ็บสาหัส 12 คน ผู้บาดเจ็บปานกลาง 13 คน บาดเจ็บเล็กน้อย 13 คน รวมยอดทั้งสิ้น 53 คน เพิ่มขึ้น 1 ราย ที่จังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันผู้บาดเจ็บยังรักษาตัวอยู่ทีโรงพยาบาลทั้งหมด 14 ราย ส่วนสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบมีทั้งหมด 20 แห่ง ปิดบริการทั้งหมด 13 แห่งแล้วก็ปิดบางส่วน 7 แห่ง ส่วนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพสต.)ได้รับผลกระทบจำนวนทั้งสิ้น 175 แห่ง
สุดท้ายที่อยากจะฝากในส่วนของเรื่องความมั่นคง โดยเรื่องการเฝ้าระวังการโจมตีทางไซเบอร์ ที่เป็นประเด็นสำคัญที่ในระยะเวลาที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าจะมีการโจมตีทางไซเบอร์ในเว็บไซต์หรือในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆมีการใช้เอไอ การใช้ข่าวปลอม ข่าวลวงต่างๆ
เรียกร้องกัมพูชาหยุดยิงอย่างเคร่งครัด
ด้าน นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาทำให้ไทยต้องตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยจากการโจมตีจากกัมพูชาที่ยังมีอยู่ในบางพื้นที่ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาให้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และทันที ขอย้ำว่าการหยุดยิงเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่สถานการณ์ที่ลดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ การเจรจาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.เป็นการรื้อฟื้นให้ทั้งสองฝ่ายกลับสู่โต๊ะเจรจาแบบทวิภาคี โดยช่วงเช้าเป็นที่น่ายินดีที่มีการเจรจาอย่างไม่เป็นการของแม่ทัพภาคทั้งสองประเทศ ซึ่งในอนาคตจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(เจบีซี) ในเดือน ก.ย. และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(จีบีซี) วันที่ 4 ส.ค. นี้
ทหารพลีชีพเพิ่มอีก3ยอดรวม14นาย
กองทัพบก รับรายงานกำลังพลเสียชีวิตจากการสู้รบในวันที่ 28ก.ค.68 จำนวน 3นาย ดังนี้ 1.จ่าสิบเอก ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารทหารราบที่3 2.จ่าสิบเอก อภิรมย์ ทรงพุฒิ สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารทหารราบที่8 3.พลทหาร ธีรยุทธ กระจ่างทอง สังกัด กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่2 นับแต่การสู้รบในวันแรกมีกำลังพลเสียชีวิต รวมทั้งหมด 14นาย
ทั้งนี้ กองทัพบก ขอสดุดีแด่กำลังพลผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ และจะดูแลสิทธิและสวัสดิการแก่ครอบครัวและทายาทของทหารกล้าเหล่านี้ให้ดีที่สุด เพื่อเชิดชูเกียรติแห่งความเสียสละของท่านเหล่านี้ (ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.68 ถึงปัจจุบัน รวมกำลังพลเสียชีวิต 14 นาย) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ ไม่พบว่า มีทหาร ร.31 รอ. อาร์ดีเอฟสูญเสีย ในเหตุปะทะคืนเดือดที่ตาควาย
สธ.เผยปชช.ดับ15สาหัส12ราย
นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบ (ฝั่งพลเรือน) จากการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00 น. ว่า ล่าสุด มีพลเรือนเสียชีวิต 15ราย บาดเจ็บสาหัส 12ราย บาดเจ็บปานกลาง 13ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย รวม53ราย โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 1ราย ที่ จ.สุรินทร์ ปัจจุบันกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล (Admit) อยู่ 14 ราย ( บาดเจ็บสาหัส 11 ราย, บาดเจ็บปานกลาง 3 ราย) ยอดรวมจำหน่ายกลับบ้านไปได้แล้ว รวม 11ราย
สำหรับโรงพยาบาลนั้น ขณะนี้ได้รับผลกระทบ รวม 20 แห่ง ปิดบริการทั้งหมด รวม 13 แห่ง ปิดบางส่วน รวม 7แห่ง ส่วนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ขณะนี้ได้รับผลกระทบ รวม 175 แห่ง ทีมปฏิบัติการด้านสาธารณสุข กำลังลงปฏิบัติงาน 548ทีม จากที่เตรียมพร้อมไว้ทั้งหมดรวม 1,221 ทีม (ทีมปฏิบัติการ ได้แก่ MERT, Mini MERT, ALS, JIT, MCATT, SEhRT) ส่วนการดำเนินงานด้านการดูแลด้านสุขภาพจิต ล่าสุดคัดกรองไปแล้ว 21,007ราย พบเครียดสูง 293 รายและเสี่ยงฆ่าตัวตาย 41ราย ทั้งนี้ มีทีม MCATT นักจิตวิทยาและจิตแพทย์ให้ความช่วยเหลือทุกราย
ควบคุมตัวทหารกัมพูชา18 นาย
ภายหลังเสร็จสิ้นการสู้รบชายแดนไทยกัมพูชา ในคืนวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามข้อตกลงหยุดยิงภายหลังเที่ยงคืน แหล่งข่าวกองทัพบก แจ้งว่า ระหว่างที่ทหารไทยเข้าควบคุมพื้นที่ซำแต จ.ศรีสะเกษ ทหารฝ่ายไทย ได้ควบคุมตัว ทหารกัมพูชา จำนวน 18 นาย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 นาย พร้อมอาวุธปืน โดยทหารกลุ่มดังกล่าว ยอมวางอาวุธ ไม่ขัดขืน ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ ต้องรอให้กองทัพบก ชี้แจงต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี