วันอังคาร ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
กองทัพไทยซัดกัมพูชาก่อกวนไม่เลิก แม่ทัพ2ลันไม่ถอนทหาร เขมรเพิ่มกำลัง-โดรนสอดแนม

กองทัพไทยซัดกัมพูชาก่อกวนไม่เลิก แม่ทัพ2ลันไม่ถอนทหาร เขมรเพิ่มกำลัง-โดรนสอดแนม

วันอังคาร ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : ก่อกวน กองทัพไทย กัมพูชา เขมร โดรนสอดแนม ไทย-กัมพูชา ปะทะชายแดน เพิ่มกำลัง ไม่ถอนทหาร แม่ทัพ2
  •  

กองทัพไทยซัดกัมพูชาก่อกวนไม่เลิก

แม่ทัพ2ลันไม่ถอนทหาร

เขมรเพิ่มกำลัง-โดรนสอดแนม

จับตากลุ่มคนทำตัวเป็นสายลับ

‘บิ๊กเล็ก’จี้เขมรเร่งเก็บศพขึ้นอืด

เปิดฉากการประชุมจีบีซีวันแรก

รบ.แจงชายแดนไทย-เขมรปกติ แต่ฝ่ายความมั่นคงยังเฝ้าระวัง ยันไทยปฏิบัติกับ 18 เชลยศึกอย่างดีตามพันธกรณีอนุสัญญาเจนีวา มนุษยธรรมและก.ม.ระหว่างปท.ด้าน“บิ๊กเล็ก”เชื่อหากกัมพูชาเคารพข้อตกลงจีบีซีบรรยากาศจะดีขึ้นยํ้าไทยดูแล 18 เชลยศึกอย่างดี แต่ต้องสอบเข้มก่อนปล่อยตัว ป้องกันบิดเบือนข้อมูล ฝากสื่อช่วยกองทัพโต้“มาลี”หลังปล่อยเฟคนิวส์รายวัน จี้เขมรเร่งเก็บศพทหารขึ้นอืดเกลื่อนชายแดน หวั่นเกิดโรคระบาด ส่วนมทภ.2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวัง จีบีซีได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้ ถ้าสองประเทศยอมรับเงื่อนไขกัน ก็จบง่าย ทภ.2สรุปสถานการณ์ชายแดน เขมรยังเพิ่มกำลัง- ใช้โดรนสอดแนมถึงพื้นที่ตอนใน ปล่อยเฟกนิวส์ สร้างความตระหนก

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม เวลา 07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยรายงานสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ภาพรวมเหตุการณ์ทั่วไปถึงเช้าวันนี้ ยังคงเป็นปกติ ไม่มีรายงานเหตุการณ์รุนแรงในทุกพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงยังคงเฝ้าระวัง โดยยังวางกำลังตามแนวปฏิบัติการตามแผน เพื่อรักษาอธิปไตยไทยและความปลอดภัยของประชาชน


ทบ.แจงสถานะเชลยศึกทหารเขมร

ด้านพ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.)เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุปะทะระหว่างกำลังทหารไทยกับกองกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา บริเวณพื้นที่บ้านซำแต อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และโจมตีเขตแดนไทย ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม เพื่อยับยั้งการรุกราน และผลักดันกองกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ดังกล่าว หลังปะทะมีกำลังพลฝ่ายกัมพูชา 20 นายยอมจำนนจากการสู้รบ กองทัพบกได้ปลดอาวุธและควบคุมตัวตามกระบวนการทางทหาร พร้อมทั้งยึดถือแนวทางปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมสากลอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอน ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างกว้างขวาง และเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จและบิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง กองทัพบกขอชี้แจงว่า กำลังพลฝ่ายกัมพูชาที่ยอมจำนนและอยู่ในการควบคุมของฝ่ายไทย ได้รับการรับรองสถานะตามกฎหมายระหว่างประเทศว่าเป็น “เชลยศึก” ตามข้อบทแห่งอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 ซึ่งไทยและกัมพูชาเป็นรัฐภาคีร่วมกัน โดยอนุสัญญาดังกล่าวบัญญัติชัดเจนว่าสถานะเชลยศึกจะเกิดขึ้นเมื่อคู่กรณีทั้งสองฝ่ายอยู่ในสถานะขัดแย้งด้วยอาวุธ และผู้ที่ถูกควบคุมตัวเป็นบุคคลซึ่งสังกัดกองกำลังติดอาวุธของรัฐฝ่ายตรงข้าม

ยันดูแลตามอนุสัญญาเจนีวา

“หลังควบคุมตัว กองทัพบกได้เคลื่อนย้ายเชลยศึกทั้งหมดออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยสู้รบไปยังเขตปลอดภัยในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 พร้อมจัดเตรียมการสนับสนุนด้านปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่ อาหาร น้ำดื่ม เครื่องแต่งกาย การตรวจร่างกายและสุขภาพโดยทีมแพทย์ ตลอดจนปฏิบัติต่อเชลยศึกตามกรอบของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน” รองโฆษกทบ.กล่าว และยืนยันว่าเชลยศึก เป็นสถานะทางกฎหมายที่ได้รับการรับรองภายใต้กรอบกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ มิใช่การจำกัดสิทธิมนุษยชน หากแต่เป็นกลไกคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในสภาวะสงคราม

กต.เชิญทูต-74ปท.ฟังสรุปปมไทย-เขมร

ขณะที่นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวถึงผลบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กระทรวงการต่างประเทศว่า การบรรยายสรุปดังกล่าว นำโดยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ

การบรรยายสรุปครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมรับฟัง 121 คน เป็นเอกอัครราชทูตและผู้แทนจาก 74 ประเทศ และ 1 องค์กรคือ สหภาพยุโรป (อียู) และองค์การระหว่างประเทศจำนวน 16 องค์การ ทั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาส่งเจ้าหน้าที่ระดับเลขานุการโท มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย

นายมาริษกล่าวย้ำกับคณะทูตว่า ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาไม่ใช่สิ่งที่ไทยต้องการแต่น่าเสียดายที่กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน จากนั้น อธิบดีกรมเอเชียตะวันออกแถลงภาพรวม ลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ก่อนการปะทะกันจนถึงตอนนี้และอนาคตที่จะจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ตามด้วยอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศให้ข้อมูลการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ กฎหมายสิทธิมนุษยชน และการบิดเบือนข้อมูลของกัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศ ตลอดจนการชี้แจงนำเสนอข้อเท็จจริงและการประท้วงของไทยในเวทีพหุภาคีต่างๆ

ย้ำเขมรยั่วยุเปิดฉากโจมตีไทยก่อน

นายนิกรเดชกล่าวประเด็นจากการบรรยายสรุปดังกล่าวใน 9 หัวข้อ ดังนี้ 1.ไทยมีความรับผิดชอบต่อประชาคมระหว่างประเทศ ยึดมั่นสันติภาพ กฎหมายระหว่างประเทศ แต่ไม่ได้รับการตอบสนองที่ดีจากกัมพูชา ที่ยั่วยุไทยหลายครั้งตั้งแต่ต้นปีและเปิดฉากโจมตีไทย ละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศหลายกรณี

2.ไทยมีหลักฐานบ่งชี้ว่ากัมพูชาเริ่มต้นโจมตีไทยก่อน และไม่เลือกเป้าหมาย ทำให้สถานที่พลเรือนเสียหาย พลเรือนและเด็กเสียชีวิต-บาดเจ็บ ประชาชนนับแสนคนต้องอพยพ ซึ่งคณะผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่ไปเห็นแล้วเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 3.การตอบโต้ของไทยทุกครั้งเป็นการใช้สิทธิป้องกันตัวโดยชอบธรรมตามกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งไทยไตร่ตรองดีแล้ว มุ่งเป้าไปที่ทหารกัมพูชาเท่านั้น ไม่ถือเป็นการรุกราน

4.การโจมตีไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชาต่อพลเรือนและสถานที่สาธารณะ ถือเป็นการรุกรานอย่างชัดเจน ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด 5.ไทยปฏิเสธข้อกล่าวหาของกัมพูชาที่ไม่มีหลักฐานรองรับในทุกเวทีและทุกประเด็น อาทิ ข้อกล่าวหาว่ากองทัพไทยรุกรานและสร้างความเสียหายแก่ตัวปราสาทเขาพระวิหาร และข้อกล่าวหาว่ามีการคุกคามแรงงานกัมพูชาในไทย 6.ไทยชื่นชมบทบาทมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ที่ทำให้เกิดประชุมสมัยพิเศษขึ้น นำไปสู่การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา แต่น่าผิดหวังที่กัมพูชายังละเมิดข้อตกลงหลายครั้งและหลายพื้นที่ จึงเรียกร้องให้กัมพูชาเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด

ไทยยันมีหลักฐานพิสูจน์ได้จริง

7.ไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ โดยไทยจะเข้าร่วมประชุมจีบีซีวันที่ 4- 7 สิงหาคม เพื่อให้เกิดการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดและวางกลไกปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว

8.นอกจากการประชุมจีบีซีแล้ว กลไกทวิภาคีต่อไปคือ เจบีซี ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเจบีซีในเดือนกันยายน หวังว่ากัมพูชาจะเข้าร่วมอย่างจริงใจ เพื่อหาทางออกในประเด็นเขตแดนที่ยังค้างคาอยู่

9.ไทยขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการบิดเบือนข่าวสาร ซึ่งมีขึ้นแทบทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ การกระทำเช่นนี้เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูการไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ทำให้ความขัดแย้งขยายตัวไปสู่ประชาชนทั้งสองประเทศ เป็นการบั่นทอนความพยายามที่จะทำให้ความสัมพันธ์กับสู่สภาวะปกติ

“การนำเสนอข้อมูลของฝ่ายไทย เน้นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ หลักฐานเชิงประจักษ์ เราเชื่อว่าการเจรจาจะนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน เราเชื่อว่าเราต้องใช้ความจริงบนพื้นฐานของความสุจริตใจ เพราะการปล่อยข่าวปลอมไม่ช่วยในกรณีเหล่านี้”โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าว

เริ่มแล้วถกจีบีซีไทย-เขมรวันแรก

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจ “ศูนย์เฉพาะกิจฯชายแดนไทย-กัมพูชา” Team Thailand โพสต์ความเคลื่อนการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย -กัมพูชา หรือ จีบีซี.วันแรก โดยคณะเลขานุการ จีบีซี.ฝ่ายไทย เดินทางถึงมาเลเซียช่วงเย็นวันที่ 3 สิงหาคม 2564 และเริ่มประชุมกับฝ่ายไทยเช้าวันนี้ หัวข้อการประชุมเพื่อกำหนดกรอบ และหัวข้อประชุม ที่จะนำเข้าที่ประชุม กับฝ่ายเลขานุการของกัมพูชา ทั้งนี้ การประชุม จีบีซี.ไทย-กัมพูชา เป็นกลไกทวิภาคีฝ่ายทหาร ระดับรมว.กลาโหม มีขึ้นวันที่ 4-7 สิงหาคม นำโดย พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม ที่จะเดินทางไปประชุม 7 สิงหาคมนี้ ส่วนฝ่ายกัมพูชา นำโดย พลเอก เตียเซรยฮา รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กัมพูชา

ทั้งนี้ คณะ กองเลขานุการ GBC ฝ่ายไทย ประกอบด้วย พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นเลขานุการคณะกรรมชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา , ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ (กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และกรมเอเชียตะวันออก) ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ,ผู้แทน สมช. ผู้แทนกระทรวงกลาโหม (สำนักนโยบายและแผน กรมพระธรรมนูญ) ผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย (กรมข่าวทหาร กรมยุทธการ) ผู้แทนกองทัพบก (กรมยุทธการทหารบก กรมข่าวทหารบก กองทัพภาคที่ 1,2 กองกำลังสุรนารี) ผู้แทนกองทัพเรือ (กรมยุทธการทหารเรือ กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด) ผู้แทนกองทัพอากาศ ผู้แทน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วยทูตทหารบก ทหารอากาศไทย ประจำกรุงพนมเปญ

ย้ำฝ่ายไทยดุแล18เชลยศึกอย่างดี

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) ถึงการประชุมกลาโหม 3 ฝ่าย ซึ่งตนชี้แจงเรื่อง 18 เชลยศึก หลังฝ่ายกัมพูชาเรียกร้องให้ไทยปล่อยตัว ตนชี้แจงไปแล้วว่าเราควบคุมอย่างดี ตามอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 1 และให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี)เข้าไปดูแล้ว ซึ่งเขาก็พอใจว่าเราดูแลตามอนุสัญญาเรียบร้อยดี ทั้งนี้ หลักการของเราคือ ปฏิบัติการทุกอย่างถูกต้องตามกฏหมาย โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ว่าใครจะมาตรวจสอบ ก็จะพบแต่ความถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ตนเป็นห่วงว่ามีประชาชนบางส่วน ไม่สบายใจว่าเราเป็นสุภาพบุรุษเกินไป แต่สิ่งนี้จะทำให้เราอยู่ได้ ไม่ถูกตำหนิจากนานาประเทศ

ชี้ต้องสอบเข้มก่อนส่งกลับ

พล.อ.ณัฐพลยืนยันว่า เราดูแลอย่างดี เพราะต้องสอบสวน แต่หากไมไว้ใจกันร้อยเปอร์เซ็นต์คงส่งกลับได้เร็ว แต่ขณะนี้เขาบิดเบือนทุกวัน ฉะนั้นต้องสอบสวนเพื่อบันทึกข้อมูลหลักฐานให้ครบถ้วนรอบด้าน ต้องมาคิดว่า หากส่งกลับไปแล้วเขาจะบิดเบือนอย่างไร และเราจะตอบกลับอย่างไร ดังนั้น ต้องบันทึกทั้งคำพูดและคำให้การไว้ทั้งหมด ยืนยันจะไม่ทำให้เชลยได้รับผลกระทบทั้งร่างกาย จิตใจ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเด็ดขาด ขอยํ้าว่าตนต้องทำและยึดมั่นตรงนี้ เพราะตนเป็นคู่เจรจา แต่คนอื่นไม่ทำก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ตนต้องทำ

จี้รบ.เขมรเร่งเก็บศพทหารเกลื่อนชายแดน

นอกจากนี้ ที่ประชุมกลาโหม 3 ฝ่ายยังเห็นด้วยว่า จากการปฏิบัติการที่ผ่านมา ปรากฏมีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหน้าแนวฝ่ายไทยในพื้นที่เขตกัมพูชาจำนวนมาก แต่ในเขตประเทศไทย เราได้ดำเนินการรวบรวมและส่งกลับอย่างสมเกียรติ ยืนยันว่าเราปฏิบัติตามกฏหมายระหว่างประเทศทุกอย่าง แต่ที่เสียใจแทนทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตคือ รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธว่าไม่ใช่ทหารของเขา ซึ่งความจริงจะใช่หรือไม่ ก็เป็นคนกัมพูชาที่มาเสียชีวิตในฝั่งเรา ตนยํ้ากับรมว.กัมพูชาว่าทหารกัมพูชาเสียชีวิตจำนวนมาก ยังไม่ได้รับการเก็บกลับไป จึงแจ้งไปว่าให้เก็บศพกลับไปให้ถูกต้องตามสุขลักษณะ และให้สมเกียรติสมศักดิ์ศรีความเป็นทหาร ตนเป็นทหารกองทัพไทย แม้เราจะเป็นคู่กรณีกับกัมพูชา แต่เมื่อทหารเสียชีวิต เราก็ต้องให้เกียรติและดำเนินการอย่างสมศักดิ์ศรี

“เราลงตรวจการในพื้นที่ เห็นศพทหารกัมพูชาที่อยู่ข้างหน้าทุกวัน จึงย้ำกับรมว.กัมพูชาไปอีกครั้งว่าอยากให้เร่งมาเก็บ เพราะ1.หากปล่อยไว้นานอาจเกิดโรคระบาดได้ และอาจทำให้ประชาชนกัมพูชาที่อยู่บริเวณนั้นได้รับเชื้อโรค 2.ทหารด้วยกันจะเคารพศักดิ์ศรีกัน ถ้าเสียชีวิตเราจะไม่หมิ่นศักดิ์ศรี อะไรที่จะทำให้เขาได้รับการดูแลอย่างสมเกียรติ เราก็จะสนับสนุน จึงอยากให้สื่อช่วยทำความเข้าใจและสื่อไปถึงรัฐบาลกัมพูชาว่าอยากให้ดูแลทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลกัมพูชายอมรับแล้ว แต่ก็ยังปฏิเสธว่าไม่ใช่ ซึ่งน่าเสียใจ ถ้าวิญญาณทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตรู้ เขาก็คงจะเสียใจ”พล.อ.ณัฐพลกล่าว

หลังถกจีบีซีบรรยากาศน่าจะดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรอบการเจรจาจีบีซี วางเป้าไว้จะได้ข้อสรุปทิศทางไหน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ถ้าได้ข้อสรุปที่ตกลงกันได้ ก็เชื่อว่าทิศทางก็น่าจะดีขึ้น ที่สำคัญไทยไม่เสียผลประโยชน์ ขอให้สื่อมวลชนและประชาชนมั่นใจได้ว่าเราจะทำเต็มขีดความสามารถ การประชุมครั้งนี้ จะผ่านการพิจารณาอย่างรอบด้านจากทุกฝ่าย ไม่ต้องกังวล เราไม่ได้ทำโดยพลการ แม้ว่าประชาชนจะไม่เข้าใจตนก็ตาม ก็ขอให้เชื่อมั่นในคณะที่ไป เพราะมีความรู้ความสามารถและความรับผิดชอบ มีความรักชาติและเห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นหลัก

ยันโดรนเป็นของเขมรล้ำเขตไทย

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกมาระบุว่า เห็นโดรนบินลํ้าเข้ามาในกัมพูชานั้น ตนยืนยันได้ว่า โดรนที่เขาเห็น เป็นโดรนของกัมพูชาเอง ที่บินกลับไป หลังจากที่บินล้ำเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งตรงนี้เป็นการแสดงให้เห็นชักเจนถึงวุฒิภาวะของเขา ที่พูดเอง ก็เสียเอง ตนขอไม่พูดรายละเอียดตรงนี้ เพราะมอบให้กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพทั้งหมดแล้ว

สถานการณ์ยังเปราะ-เขมรเล่นเฟกนิวส์

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังเปราะบางหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวยอมรับว่า ยังมีความเปราะบางจากข่าวปลอม โดยเฉพาะข่าวปลอมที่บอกให้ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่ ทำให้กัมพูชาคิดว่าไทยเตรียมการสู้รบ เขาเลยเตรียมการบ้าง ซึ่งเรื่องแบบนี้คิดว่าวันหนึ่งอาจทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ทั้งที่เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย จึงอยากฝากสื่อมวลชน ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนว่า ยามนี้เราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง แค่ข่าวปลอมจากกัมพูชาเราก็ต้องมาแก้ปัญหากันทุกวันแล้ว มาเจอข่าวปลอมจากฝั่งไทยอีก ก็ยอมรับว่าทำให้ฝ่ายความมั่นคงหนักใจมาก ตนเข้าใจดีว่าประชาชนอยากช่วย แต่สถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่จะช่วยได้คือฟัง ศบ.ทก.เป็นหลัก

กองทัพวอนสื่อช่วยตอบโต้มาลี

“ยอมรับว่าการชี้แจงของรัฐบาลอาจช้า ผมก็ยอมรับคำตำหนิ แต่เราต้องตรวจสอบให้ถูกต้อง ต้องไม่เสียเครดิตกันเองและนานาประเทศ ศบ.ทก.พูดอะไรก็ต้องใช่ หากเรารีบตอบแล้วปรากฎว่าไม่ใช่ เราก็จะขาดความเชื่อถือ ความจริงสื่อมวลชนช่วยกองทัพได้คือ ตอบโต้กัมพูชาไปก่อนเลย มาลีพูดอะไรมา สื่อโต้กลับไปได้ทันทีเลย เพราะถ้าเป็นสื่อโต้ไป ไม่มีผล เดี๋ยวเราแก้ได้ ช่วยกองทัพตอบโต้มาลีไปเลย และถ้า ศบ.ทก.ชี้แจง สื่อก็ให้การสนับสนุน ไม่ใช่ว่าพอ มาลีพูดมา สื่อก็หันมาด่ากองทัพว่าทำไมไม่ตอบโต้ ซึ่งจะทำให้กองทัพขาดความน่าเชื่อถือ แล้วจะให้กองทัพไปตอบโต้คนแบบนั้นหรือ”

ถ้าเขมรเคารพผลถกจีบีซีไม่น่ากังวล

ถามว่า ประเมินสถานการณ์หลังประชุมจีบีซีอย่างไรบ้าง เพราะหลายคนกังวลอยู่เหมือนกัน พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า หากกัมพูชาเคารพผลการประชุมจีบีซี ก็ไม่น่ากังวล อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ประสบการณ์รรับราชการทหารมาตลอดชีวิตที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ก็ เพิ่งเจอคู่กรณีที่ยากมาก พูดอย่างทำอย่าง ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่วิสัยของตน หากมีใครมาตำหนิผมก็ยอมรับ เพราะคิดไม่ทันจริงๆ ว่ากัมพูชาจะทำอะไร บางครั้งที่เขาพูดมา ก็ไม่ได้ทำตามที่พูด ตรงนี้ผมไม่ถนัดจริงๆ สื่อมวลชนก็ต้องเห็นใจตนด้วย ตอนนี้ตนต้องมองหลักการตามกฎหมาย หากประเด็นในจีบีซี มีการตกลงกันได้ก็น่าจะดีขึ้น

พล.อ.ณัฐพล กล่าวด้วยว่า ประเด็นที่คุยไม่ใช่ว่าจะจบทุกเรื่อง อาจค่อยๆ จบไปทีละขั้นตอน ดังนั้นขอให้เข้าใจว่าการไปประชุมครั้งนี้ไม่ใช่จะจบเลย แต่จะนำไปสู่ขั้นตอนต่อไป ค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ ต้องประเมินท่าทีของกัมพูชาว่ามีความจริงใจเข้าสู่สันติหรือไม่ แต่ตนเชื่อว่า ผลสรุปจากการประชุมจีบีซี จะให้เวทีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) พูดคุยกันต่อไป และขออย่ามาตำหนิตนอีกว่าโยนภาระให้ทหาร แต่อย่างที่ตนบอก กองทัพรู้ดีที่สุดเรื่องไหนที่ตัดสินใจได้ เช่น การวางกำลังหรือเพิ่มกองกำลัง หรือการปฏิบัติการต่อการยั่วยุ ดังนั้น ขอยํ้าว่าไม่ใช่การโยนภาระให้กองทัพ เพราะบางเรื่องในการประชุมจีบีซี หากตกลงกันแล้วกองทัพอาจไม่สบายใจว่าทำไมไปตกลงกันแบบนั้น จึงต้องแบ่งความรับผิดชอบกัน ไม่ใช่การโยน คำพูดคล้ายกัน แต่ความหมายคนละเรื่อง ดังนั้น ขอให้เข้าใจเราด้วย

มทภ.2ยันกองทัพไม่ถอยชี้อธิปไตยเรา

ด้านพล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดน ทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ว่า ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่า จะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลสถานการณ์ชายแดนหลังวันที่ 7 สิงหาคมจะตึงเครียดนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ว่าผลจะออกมาอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสินยืนยันว่า กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา

ห่วงปัญหาโดรนไม่ทราบฝ่าย-สายลับ-ไส้ศึก

มทภ.2กล่าวต่อว่า สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้ เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุดแต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็น สายลับ และไส้ศึก แต่ยอมรับว่าบางพื้นที่นำโดรนขึ้นบินไม่ได้หวังผลอะไร ทำเพื่อต้องการก่อกวน

แม่ทัพภาคที่2 ยังกล่าวถึงกลิ่นศพที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ได้ประสานงานไปยังกัมพูชาให้มาเก็บศพทหารในพื้นที่ของตนเอง เพราะถ้าหากปล่อยไปจะเป็นที่มาของโรคระบาด ทราบว่าเบื้องต้นทางกัมพูชาได้เริ่มทยอยขนออกจากชายแดนบ้างแล้ว ส่วนการดูแลสุขภาพอนามัยกำลังพลนั้น เรามีทหารเสนารักษ์คอยดูแลอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันดีขึ้น เพราะฝ่ายกัมพูชาได้นำรถพยาบาล มาลำเลียงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และศพออกจากพื้นที่ เพราะคนเหล่านี้ก็มีญาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อตกลง ที่เคยได้คุยกันไว้ว่าฝ่ายไทยจะอำนวยความสะดวก

พบเขมาเพิ่มกำลัง-ใช้โดรนสอดแนมตอนใน

เวลา 14.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2)สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาประจำวันที่ 4 สิงหาคม ภาพรวมสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีเหตุการณ์ แต่ยังพบการเพิ่มเติมกำลังของฝ่ายตรงข้ามาต่อเนื่อง พบการใช้อากาศยานไร้คนขับทั้งในพื้นที่แนวชายแดน และพื้นที่ตอนใน รวมถึงใช้ข้อมูลข่าวสารผ่านระบบสื่อออนไลน์ เพื่อสร้างความตื่นตระหนก ต่อประชาชนในพื้นที่ ซึ่งฝ่ายเรายังวางกำลังตามแนวพื้นที่ปฏิบัติการตามแผน

จากเหตุการณ์เมื่อวาน ที่มีการปล่อยข่าวว่าฝ่ายไทยเตรียมโจมตีก่อนประชุม GBC ฝ่ายเรายังยึดตามข้อตกลงการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด การดูแลผู้อพยพ ส่วนราชการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ยังคงให้การสนับสนุนอำนวยความสะดวกในพื้นที่รวบรวมพลเรือนทั้ง 495 จุด ใน 4 จังหวัด มียอดรวมปัจจุบัน 96,040 คน ทั้งนี้ ฝ่ายปกครองจัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เข้าดูแลพื้นบ้านเรือนประชาชนที่อพยพ อย่างต่อเนื่อง จิตอาสาพระราชทาน ดูแลและช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ 4 จังหวัดคือ จ.บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อุบลราชธานี อำนวยความสะดวกประชาชนในศูนย์พักพิงชั่วคราว และช่วยขนย้ายสิ่งของ รวมทั้งช่วยประชาสัมพันธ์ ขอบคุณประชาชนที่แจ้งข้อมูลตรวจพบอากาศยานไร้คนขับ “โดรน” ในพื้นที่ ตามหมายเลข 1374 เพื่อให้หน่วยความมั่นคงดำเนินการต่อไป

ทบ.ซัดเขมรล้ำช่องอานม้าไม่แก้ไข

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชากล่าวว่า ฝ่ายไทยส่งกำลังติดอาวุธพร้อมยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่ “อานแซะ” ดินแดนอธิปไตยของกัมพูชา หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้เป็นทางการแล้ว และยังได้ลาดตระเวนและรุกล้ำพื้นที่อย่างชัดแจ้ง ซึ่งไทยขอชี้แจงว่า พื้นที่ดังกล่าวคือบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า ในส่วนที่อยู่ในเขตอธิปไตยของไทย แต่ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาเป็นคนรุกล้ำดินแดนภายใต้อธิปไตยไทย ฝ่ายไทยเคยประท้วงไปหลายครั้งแล้ว แต่กัมพูชาไม่ยอมแก้ไข แต่ผลปฎิบัติการของฝ่ายเราครั้งนี้สามารถยึดควบคุมพื้นที่ได้ จึงได้เสริมความมั่นคงและจัดระเบียบใหม่ โดยเก็บกู้และใช้เครื่องจักรเคลียร์ทุ่นระเบิดที่กัมพูชาอาจแอบวางไว้ ตกค้างอยู่ในพื้นที่ เพื่อจะได้นำกำลังไปวางควบคุมพื้นที่ปกป้องอธิปไตย ตามแนวเส้นปฏิบัติการของฝ่ายไทย

EODเร่งทำลายทุ่นระเบิดต่อเนื่อง

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน และมีเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบระเบิด และกัมพูชาใช้อาวุธสงคราม หลายจุดตลอดแนวชายแดน ส่งผลจนถึงปัจจุบันยังมีวัตถุอันตราย และวัตถุต้องสงสัย ตกหล่นอยู่ในพื้นที่สาธารณะใกล้บ้านเรือนประชาชน จึงขอให้ประชาชนชะลอการเดินทางกลับที่พัก โดยเฉพาะที่จังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ ขอให้ตรวจสอบกับนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ หน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) ทั้งหน่วยทหาร ตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ ซึ่งได้รับความเสียหายจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และพบวัตถุต้องสงสัยหลายจุด โดยจะได้เข้าพิสูจน์ทราบ เก็บกู้ และเคลียร์พื้นที่จากวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด โดยความปลอดภัยของประชาชนคือ ภารกิจสำคัญที่สุด

“ศรีสะเกษ-สุรินทร์”อย่าเพิ่งกลับเข้าบ้าน

นายจิรายุกล่าวต่อว่า กองทัพจัดชุดทำลายล้างวัตถุระเบิดตรวจสอบทำลายวัตถุระเบิดที่ยังตกค้าง ซึ่งทำลายไปแล้ว 17 พื้นที่ คงเหลือ 63 พื้นที่ ข้อมูล ณ วันที่ 3 สิงหาคม เวลา 14.00 น. ขณะที่จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดสุรินทร์ ได้ออกคำสั่งด่วนที่สุดถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการ พร้อมขอให้อำเภอ ยึดหลักปฏิบัติ “พิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง” ในระดับสูงสุด เนื้อหาโดยสรุปคือ เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงดกลับเข้าภูมิลำเนา จนกว่าจะมีประกาศจากราชการ ให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกตรวจสอบพื้นที่ หากพบวัตถุระเบิดหรือสิ่งแปลกปลอมให้แจ้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และทหารในพื้นที่ เข้าดำเนินตรวจสอบทำลาย และกรณีพบเห็นอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินในพื้นที่ขอให้แจ้ง ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หรือแจ้งสายด่วนความมั่นคง 1374 ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง

นาวิกจันท์ขอความร่วมมือบ.โดรนเอกชน

นอกจากนี้ จังหวัดจันทบุรีขอความร่วมมือจากเครือข่ายภาคเอกชนที่ใช้โดรน (ภาคเกษตร สันทนาการฯลฯ) หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือมีอุปกรณ์ เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมในการตรวจจับ ป้องกัน หรือต่อต้านการใช้งานโดรน (Anti-Drone) ให้ติดต่อหรือประสานข้อมูลกับ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจังหวัดจันทบุรี (ฉก.นย.จันทบุรี) เพื่อมีส่วนร่วมสร้างความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในพื้นที่ด้วย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • EOD ลุยเก็บกู้จรวด BM-21 พนมดงรัก ท่ามกลางกลิ่นศพทหารเขมรโชยแรง EOD ลุยเก็บกู้จรวด BM-21 พนมดงรัก ท่ามกลางกลิ่นศพทหารเขมรโชยแรง
  • ม็อบ 2 ส.ค. ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เรียบร้อยดี ตำรวจจับ 106 ราย-ป่วยแดด 4 ราย ม็อบ 2 ส.ค. ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เรียบร้อยดี ตำรวจจับ 106 ราย-ป่วยแดด 4 ราย
  • กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่มีการปะทะ-คำสั่งให้อพยพ ในพื้นที่พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่มีการปะทะ-คำสั่งให้อพยพ ในพื้นที่พนมดงรัก จ.สุรินทร์
  • ทำลายระเบิด BM-21 กลางถนน อ.กันทรลักษ์ ทำลายระเบิด BM-21 กลางถนน อ.กันทรลักษ์
  • ‘แม่ทัพภาคที่ 2’ตรวจเยี่ยม-ขอบคุณทหารแนวหน้า ลั่นเราทำถูกต้องแล้ว ย้ำอย่าประมาท ‘แม่ทัพภาคที่ 2’ตรวจเยี่ยม-ขอบคุณทหารแนวหน้า ลั่นเราทำถูกต้องแล้ว ย้ำอย่าประมาท
  • ลูกสาวเจ้าของปั๊ม เขียนจดหมายถึงคณะทูต เล่านาทีจรวด BM-21 กัมพูชา ตกใส่ร้านสะดวกซื้อ ลูกสาวเจ้าของปั๊ม เขียนจดหมายถึงคณะทูต เล่านาทีจรวด BM-21 กัมพูชา ตกใส่ร้านสะดวกซื้อ
  •  

Breaking News

'เสธ.เบิร์ด'ชี้คนกัมพูชาเริ่มเห็นความจริง ลั่นวันเกิด'ฮุนเซน'เหมือนจุดจบตระกูลฮุนในเขมร

'ทนายรณณรงค์'แจ้งความ'หมอปลาย' ข้อหาทำให้ปชช.แตกตื่น หลังทำนายสถานการณ์ชายแดน

ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หมู่บ้านเกษตรลาวาภูเขาไฟ อายุ 250 ล้านปี

'เจด้า-ชอน'ชวน 'อ.มิ้ม เลขศาสตร์'นักเล่าเรื่องผีมืออาชีพเปิดประสบการณ์หลอนที่ไม่มีวันลืม

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved