โรงผลิตพลุระเบิดที่สุพรรณฯ ดับ 10 ศพ บาดเจ็บอีก 1 ราย ตร.เร่งตรวจสอบหาสาเหตุพบเกิดขึ้นซ้ำซากเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ด้าน ‘สมศักดิ์’ เร่งเยียวยาผู้รับผลกระทบ สั่งตั้งกรรมการสอบ เผยที่ผ่านมา เคยสั่งแก้ปัญหาระยะยาวแล้ว โดยให้แก้ประกาศของ 5 กระทรวงหลักที่เกี่ยวข้อง แต่กลับยังเกิดเหตุขึ้นอีก
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 30 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุพลุระเบิด บริเวณบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 1 บ้านโพธิ์ทราย ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างหนัก 2 หลัง ทั้งนี้ ภายหลัง พ.ต.อ.วันชัย ขาวรัมย์ ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี ได้รับแจ้ง จึงนำกำลัง ประสานเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมตรวจสอบเหตุ พร้อมด้วยนายพิริยะ ฉันทดิลก ผวจ.สุพรรณบุรี และคณะ
เบื้องต้นจากการตรวจสอบ พบว่าบ้านที่เกิดเหตุ มีสภาพพังเสียหายจากแรงระเบิด ทรัพย์สินต่างๆ ได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่วนบริเวณด้านนอก พบเศษชิ้นส่วนมนุษย์ และรถยนต์ที่จอดอยู่ พังอีก 1 คัน
จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ไม่ได้ยินเสียงอะไรก่อนหน้านี้ พอได้ยินเสียงระเบิดครั้งเดียวก็พบสภาพบ้านหลังดังกล่าวพังเสียหาย เท่าที่ทราบมีคนอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุมากกว่า 8 คน แรงระเบิดยังส่งผลให้บ้านที่อยู่ห่างไปไม่กี่เมตร ได้รับแรงสั่นสะเทือน ผู้ที่อยู่อาศัยละแวกดังกล่าวต่างหวาดผวากับเหตุที่เกิดขึ้น เนื่องจากปีที่ผ่านมา ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ก็เพิ่งเกิดเหตุพลุระเบิดขึ้น
ต่อมา พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุ โดยระบุว่า ทางชุดอีโอดี อยู่ระหว่างเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุอย่างละเอียด เบื้องต้นยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 9 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกอย่างน้อย 1 ราย ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุ ผู้ที่เป็นเจ้าของ ชนิดและปริมาณของวัตถุระเบิด ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุพลุระเบิดในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี นั้น เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่เฉพาะที่ ต.บ้านโพธิ์ เกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อรวมกับครั้งนี้จึงนับเป็นครั้งที่ 3
สำหรับ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2549 โดยเกิดเหตุที่โรงงานพลุ พื้นที่ หมู่ 1 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ส่งผลให้สภาพบ้านพังทั้งหลัง มีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2558 ที่บริษัทผลิตพลุแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเหตุพลุระเบิดในครั้งนี้ ว่าขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งภายหลังเกิดเหตุตนได้สั่งการอย่างเร่งด่วนให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบแล้ว โดย นพ.รัฐพล เวทสรณสุธี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วยทีม MCATT รวม 8 คน ทีมแพทย์ฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยายมราช รวม 8 คน ทีมนิติเวช 5 คน และรถโรงพยาบาล Standby 3 คัน ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ทราบชื่อคือ นางนันทนา พันธ์ซาว อายุ 44 ปี มีแผลไฟไหม้ตามร่างกายร้อยละ 67.5 ยังรักษาตัวในห้องฉุกเฉิน และนายชุมพล พันธ์ซาว อายุ 39 ปี มีภาวะวิตกกังวล ได้ให้ยาคลายวิตกกังวล แต่ยังรักษาตัวอยู่
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้กรมอนามัย ลงพื้นที่ตรวจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะสารปนเปื้อนจากเคมี ทั้งในแหล่งน้ำ ในดิน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน รวมถึงให้ทีม MCATT เร่งประเมินสภาพจิตใจผู้ได้รับผลกระทบ ครอบครัวผู้เสียชีวิต และประชาชนในบริเวณใกล้เคียงเป็นการด่วน เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อด้านจิตใจเป็นอย่างมาก เหตุดังกล่าวตนรู้เสียใจมาก เนื่องจากขณะที่ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เคยเกิดเหตุพลุระเบิดที่ จ.สุพรรณบุรี มาแล้ว ซึ่งครั้งนั้นได้ประชุมทุกหน่วยงาน ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย วางแนวทางการแก้ปัญหาในระยะยาวไว้ทั้งหมดแล้ว แต่กลับไม่ได้มีการปฏิบัติอย่างเต็มที่หรือไม่ จึงยังคงเกิดเหตุซ้ำขึ้นอีกในจังหวัดเดียวกัน
“ขณะนั้นมีการแก้ประกาศ 5 กระทรวงหลัก คือ กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงแรงงาน เพื่อเพิ่มการควบคุมให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น เช่น ให้มีเขตกันชนระหว่างโรงงานกับพื้นที่โดยรอบ อาทิ กำแพง คูน้ำ คันดิน โดยเป็นที่น่าเสียใจ ผมได้ประชุมวางหลักเกณฑ์การดูแลความปลอดภัยทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังเกิดเหตุอีก ก็อาจควรมีการตั้งกรรมการสอบว่า ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการตามแนวทางที่ได้วางไว้หรือไม่” รมว.สาธารณสุข กล่าว
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจากการรายงานพบว่าเป็นกลุ่มคนที่ลักลอบประกอบกิจการ ทั้งนี้ จะต้องสืบสวนสอบสวนและดำเนินการอย่างถึงที่สุดว่าความผิดอยู่ที่ใคร เนื่องจากไม่ใช่การเกิดเหตุครั้งแรก ต้องทำให้ถึงที่สุดว่าเกิดเหตุเช่นนี้ได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี