ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จ.ตรัง นางวรรณา พรหมบุญทอง ผู้อำนวยการศูนย์ฯ เปิดให้เข้าชมความสวยงามของดอกว่านเพชรหึงหรือดอกว่านหางช้าง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดอกกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นแปลงปลูกแปลงใหญ่ที่สุดใน 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งช่วงนี้กำลังชูช่อออกดอกบานสะพรั่งพร้อมกันกว่า 300 กอ บริเวณโดยรอบศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 สร้างความสวยงาม และส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ดอมดมกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งดอกว่านหางช้าง ออกดอกแค่ละปีครั้งในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม ออกดอกเป็นช่อตามปลายยอด สีเหลืองอมส้ม มีจุดประสีแดงกระจายอยู่บนดอก คล้ายกับดอกแมลงปอ โดยก้านดอกตั้งแต่โคนถึงส่วนปลายยาว 1-2 เมตร เมื่อปลูกได้ประมาณ 5 ปีจึงเริ่มออกดอก ซึ่งมีราคาขายในท้องตลาดไม่ต่ำกว่า 20,000-30,000 บาทต่อกอ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ และมีความเชื่อว่าจะช่วยเสริมโชคลาภ ความเป็นสิริมงคลให้กับเจ้าบ้าน และยังใช้เพื่อช่วยปรับฮวงจุ้ยตามหลักความเชื่อของชาวจีนด้วย

บางตำรับยังมีความเชื่อว่าว่านหางช้างเป็นว่านมหาคุณ เมื่อนำมาปลูกไว้หน้าบ้านจะช่วยป้องกันสิ่งอัปมงคลเข้าบ้าน ช่วยป้องกันภัยจากอันตรายต่าง ๆ และยังมีสรรพคุณทางยาทั้ง ลำต้น ใบ ดอก และยังถูกนำมาใช้แก้คุณไสยในด้านต่าง ๆด้วย

โดยที่ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จ.ตรัง ปลูกไว้นาน 10-20 ปีแล้ว ตามโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ เพื่อลดการลักลอบนำออกจากป่าอย่างผิดกฎหมาย และเพื่อเพิ่มปริมาณต้นว่านเพชรหึงด้วยการนำไปปลูกคืนสู่ป่าธรรมชาติตามโอกาสต่าง ๆ ทั่วภาคใต้ ซึ่งปีนี้ออกดอกให้ชื่นชมช้ากว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีฝนตกชุก แต่ความสมบูรณ์ และความสวยงามของดอกมีมากกว่าปีที่แล้ว ทำให้กลายเป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด โดยเฉพาะในวันจันทร์-ศุกร์หรือในวันและเวลาราชการ ส่วนต้นพันธุ์มีจำหน่ายในราคาต้นละ 5 บาทตามโครงการเงินรายได้ เพื่อให้เกษตรกรนำไปปลูกประดับตกแต่งอาคารบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ หรือจะนำไปปลูกเพื่อสร้างรายได้เสริมอีกทางหนึ่งด้วย