ผู้ประกอบการตราดกระทบหนัก! จี้ภาครัฐเยียวยา-ช่วยเหลือ ทั้งให้สินเชื่อและชะลอจ่ายสินเชื่อ ระบุส่งสินค้าเข้ากัมพูชาไม่ได้-ขาดแรงงานแรงงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่เกิดการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา และฝ่ายความมั่นคงได้ประกาศปิดจุดผ่านแดนถาวรทั้งทางบกและทางทะเลและจุดผ่านแดน รวมทั้งจุดผ่อนปรนการค้าทุกจุดทำให้การค้าชายแดนการท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดตราดและกัมพูชาที่มีมูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้านบาท/ปี รวมทั้งการเดินทางท่องเที่ยวระหว่าง จ.ตราด และกัมพูชาที่มีมากกว่า 1 แสนคน/ปี ได้รับผลกระทบ
นายพิพัฒน์ ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าชายแดนไทยกัมพูชา และประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก 2 เปิดเผยว่า หลังจากเกิดการความขัดแย้งกันระหว่างไทยและกัมพูชา ในพื้นที่ภาคอีสานตอนใต้ และฝ่ายความมั่นคงไทยตอบโต้ด้วยการลดเวลาปิด-เปิดจุดผ่านแดนถาวร ตัดอินเตอร์เน็ต ตัดไฟ จนถึงการปิดการค้าชายและการท่องเที่ยว และมีการสสู้รบกันระหว่างทหารทั้ง 2 ฝ่าย ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่าย
‘แต่สำหรับพื้นที่จังหวัดตราด ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน จึงขอเสนอให้ใช้กลไกการประสานงานระดับท้องถิ่นเป็นลำดับแรก โดยเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ระหว่างนายอำเภอในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ เพื่อค่อยๆ สร้างความคุ้นเคยและแก้ไขปัญหาในระดับล่างก่อน ก่อนจะขยับสู่การเจรจาระดับจังหวัดและระดับประเทศต่อไป’ นายพิพัฒน์ กล่าว
ขณะที่ นายสุทธิลักษณ์ ประธานอาวุโสของสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตราด กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการของจังหวัดตราดหลายด้าน จึงขอได้เสนอมาตรการเร่งด่วน 4 ประการ ดังนี้ 1)มาตรการด้านสินเชื่อ : ขอให้สถาบันการเงินพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 1% และให้ผ่อนชำระได้นาน 12 เดือนแรก 2)เงินชดเชยความเสียหาย : ขอเงินเยียวยาผลผลิตทางการเกษตรและปศุสัตว์ที่เสียหายจากการอพยพในอัตราไร่ละ 2,000-3,000 บาท และ 3)มาตรการภาษี : ขอให้กรมสรรพากรยกเว้นค่าปรับสำหรับผู้ที่ยื่นประมาณการกำไรเพื่อเสียภาษีนิติบุคคลผิดพลาด เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่สามารถประเมินรายได้ล่วงหน้าได้ และ4)เงินช่วยเหลือครัวเรือน: ขอเงินเยียวยาครัวเรือนละ 10,000 บาท สำหรับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการอพยพ และขอให้เพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกคนละ 100 บาท เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน รวมถึงขอมาตรการช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวที่ซบเซาอย่างหนัก
“สิ่งที่ควรจะเร่งดำเนินการก็คือ ผมเสนอให้ธนาคารพาณิชย์ชะลอการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยสำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการจัดหาเงินกู้ฉุกเฉินเพื่อเสริมสภาพคล่องวงเงิน 1-10 ล้านบาท โดยปลอดดอกเบี้ยนาน 6-12 เดือน เพราะวันนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจของจังหวัดตราดทั้งค้าชายแดน และการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศได้รับผลกระทบมาก ยิ่งความขัดแย้งยังไม่ยุติและการเปิดด่านการค้าที่ยังไม่รู้ว่าจะยาวไปถึงไหนจะส่งผลกระทบมากยิ่งขึ้น” นายสุทธิลักษณ์ กล่าว
ด้านผู้ประกอบการภาคธุรกิจชายแดนอย่าง นายทศพล ผู้ประกอบการส่งออกน้ำปลา (ผู้ผลิตและผู้ค้าชายแดน) กล่าวว่า แม้จะมีการปิดด่านมานานกว่า 1 เดือน แต่รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐยังไม่มีมาตรการเยียวยาที่ชัดเจนจากภาครัฐที่จะเยียวให้ผู้ประกอบการค้าชายแดน ซึ่งความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาลจากการค้าชายแดนที่หยุดชะงัก มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 80-100 ล้านบาทต่อวัน เฉพาะในส่วนของสินค้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับจังหวัดตราด ซึ่งไม่รวมสินค้าจากส่วนกลาง ซึ่งยังมีธุรกิจทั้งรายเล็กและรายย่อยในพื้นที่ชายแดน การค้าขายเล็กๆน้อยๆที่ติดกีบชายแดนทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังประสบปัญหา สินค้าค้างสต๊อก ที่ไม่สามารถส่งออกได้ และมีแรงงานที่ได้รับผลกระทบอย่างน้อย 600 คน ซึ่งเป็นแรงงานในระบบห่วงโซ่อุปทานการขนส่งและการค้าชายแดน โดยการหางานใหม่ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันถือเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ///-026
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี