5 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ร.ต.อ.ประวิทย์ อิ่มใจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ย่อยห้วยหลวง อ.เมือง จ.อุดรธานี รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้กระท่อมนาและมีผู้เสียชีวิต หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยกู้ภัยสว่างเมธาธรรมจ.อุดรธานี และรถดับเพลิงของเทศบาลต.นิคมสงเคราะห์ เหตุเกิดที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้านบ้านนิคมพัฒนา หมู่ 8 ต.นิคมสงเครามะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ฯ เร่งฉีดน้ำดับไฟแต่ปรากฏว่ากระท่อมนาที่เป็นไม้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีทำให้ไฟไหม้ไปทั้งหลัง นอกจากนี้ยังทราบว่ามีเด็กชายวัย 9 ขวบทราบชื่อว่าน้องเมฆ หายไปด้วยโดยช่วงกลางคืนที่ผ่านมา กู้ภัยยังหาร่างไม่เจอ และภาวนาให้น้องเมฆรอดมาได้
โดยเช้าวันนี้ พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วย พ.ต.ท.มานิตย์ แก้วเจริญ รองผกก.หน.สภ.ย่อยห้วยหลวง และตร.พิสูจน์หลักฐานเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ ก็พบร่างของ ด.ช.ปรเมษ อายุ 9 ปี หรือน้องเมฆ ถูกไฟไหม้จนร่างดำเป็นตอตะโกอยู่ท้ายกระท่อมนาที่เป็นห้องครัว กู้ภัยจึงนำร่างออกมา ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจจของพ่อแม่และตาเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังมีรถจยย.ถูกไฟไหม้ไป 2 คัน หมูตายไป 2 ตัว รอดมาได้ 4 ตัว ส่วนสาเหตุ ตำรวจคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าช็อต โดยกระท่อมนาแห่งนี้ใช้ไฟโซล่าเซลล์แล้วพ่วงใส่แบตเตอร์รี่เปลี่ยนมาใช้ไฟ 220 V อาจจะทำให้ไฟช็อตและเกิดไฟไหม้ก็เป็นได้ อีกอย่างอาจจะเป็นได้ที่ทางพ่อและแม่ก่อกองไฟให้สุนัขด้วย ซึ่งตำรวจจะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
นายเจตน์ อายุ 58 ปี ตาของ ด.ช.ปรเมษ บอกว่ากระท่อมนาแห่งนี้มีลูกสาวลูกเขยและหลานชายอยู่ ทราบว่าก่อนไฟไหม้ พ่อและแม่ของน้องเมฆ ไปเผาถ่านและไปจับตั๊กแตน พอกลับมาก็พบว่าไฟไหม้กระท่อมนาไปหมดแล้ว ส่วนน้องเมฆหลานชายก็ถูกไฟไหม้ย่างสดไปด้วย เสียใจมากที่ต้องมาสูญเสียหลานชายไปก่อนวัยอันควร
ขณะที่น.ส.ราตรี ายุ 38 ปี คนเป็นแม่และสามีเดินทางมาดูศพหลังจากกู้ภัยพบร่าง ร้องไห้แทบขาดใจที่ต้องสูญเสียลูกชายไป
น.ส.ราตรี แม่น้องเมฆ บอกว่า ช่วง 3 ทุ่มคืนวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนเองและสามีออกไปจับตั๊กแตนในป่าอ้อย หลังจากลูกชายอ้อนอยากกินตั๊กแตน จึงออกเอาไฟไปส่องเพื่อเอามาทอดให้ลูกชายกิน ตอนแรกลูกชายอยากไปด้วย ก็บอกลูกชายว่าไม่ต้องไปให้รอที่กระท่อมนา และเล่นโทรศัพท์มือถือรอที่กระท่อมนา แต่ช่วงประมาณหกทุ่มเห็นแสงไฟไหม้แถวกระท่อมนาก็ตกใจรีบกลับมาดูก็ พบว่าไฟไหม้กระท่อมนาแล้ว ก็ร้องเรียกลูกชายตลอดก็ยังไม่เจอ ในใจภาวนาให้ลูกชายหนีรอดออกมาได้ แต่ก็ยังไม่เจอลูกชาย เมื่อคืนหลังกู้ภัยดับไฟได้แล้วคาดว่าถูกไฟไหม้ด้วยก็หาลูกชายไม่เจอเหมือนกัน
แต่เช้าวันนี้กู้ภัยแจ้งว่าพบศพลูกชายลูกชายแล้ว เสียใจมาก ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากไฟโซล่าเซลล์พ่วงมาเก็บไว้กับแบตเตอร์รี่แปลงเป็นไฟ 220 โวลล์ แต่อีกเรื่องที่ตนเองเชื่อ เล่ามาแล้วก็ขนลุก เพราะที่ตรงนี้เจ้าที่แรงมาก ตอนที่เข้ามาอยู่ตรงนี้ใหม่ๆ พ่อเล่าให้ฟัง ตอนแรกตนเองก็ไม่เชื่อ แต่ไปเข้าฝันพ่อเป็นชายร่างดำใหญ่มาก บอกว่าน้องเมฆไม่ใช่ลูกมึง ถ้าใช่มึงต้องกอด และบางวันจู่ๆ น้องเมฆลูกชายก็ป่วยกะทันหันตัวร้อนโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย พอสามีอุ้มไปเป่าหัวก็หายเป็นปลิดทิ้ง
'อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล บางวันตอนกลางคืนตนยังเห็นเจ้าที่มาหยอกล้อเล่นกับลูกชายด้วย ในหนึ่งก็เชื่อว่าเจ้าที่ชายร่างดำแรงมาเอาลูกชายไปอยู่ด้วย เพราะเมื่อคืนหลังจากกู้ภัยดับไฟหาอย่างไรก็หาร่างลูกชายไม่เจอ พอสามีไปบนเจ้าที่ที่ชื่อพ่อปู่บุญตา พอเช้ามาก็เจอร่างลูกชายถูกไฟไหม้จนดำ แต่อีกอย่างเชื่อว่าสาเหตุที่ไฟไหม้กระท่อมนาครั้งนี้ก็เป็นความสะเพร่าของตนเองด้วย ที่เอาโทรศัพท์ให้ลูกชายชาร์จแบตแล้วเล่นรอตามลำพัง'
ทางด้าน พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร โดยกระท่อมนาแห่งนี้ต่อไฟจากโซล่าเซลล์แล้วพ่วงในแบตเตอร์รี่แปลงเป็นไฟ 220 โวลล์ พอเกิดไฟไหม้เด็กที่นอนหลับช่วงดึกตื่นขึ้นมาแล้วหนีไม่ทันจึงเกิดเหตุสลดดังกล่าว ซึ่งก่อนเกิดเหตุเห็นว่าลูกชายอยากกินทอดตั๊กแตน พ่อและแม่เลยออกไปเผาถ่านแล้วไปส่องหาตั๊กแตนด้วย พอกลับมาก็เจอไฟไหม้กระท่อมนาแล้ว แต่อย่างไรแล้วตำรวจจะได้ตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.
012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี