ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากการปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่อาศัยอยู่บริเวณผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ เผยบ้านเรือนถูกกระสุนปืนใหญ่ตกใส่เสียหายหลายหลัง ขณะที่ยังไม่กล้ากลับเข้าพื้นที่เพราะเกรงว่าจะมีกระสุนที่ยังไม่ระเบิดตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก ด้านผู้ว่าฯศรีสะเกษประกาศขอความร่วมมือประชาชนอพยพออกจากพื้นที่ชายแดนอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย

วันที่ 7 สิงหาคม 2568 สถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชายังคงส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะที่ชุมชนบ้านผามอ ซึ่งเป็นปากทางขึ้นอุทยานแห่งชาติผามออีแดง ทางขึ้นเขาพระวิหาร

ตัวแทนชาวบ้านได้นำผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย โดยนางสาวนันท์มนัส จิบจันทร์ อายุ 44 ปี และคุณพ่อ เล่าว่า บ้านของตนถูกกระสุนปืนใหญ่ตกใส่จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ขณะที่บ้านเรือนใกล้เคียงก็ได้รับผลกระทบจากสะเก็ดระเบิด นอกจากนี้ยังเชื่อว่ามีกระสุนปืนอีกหลายลูกตกอยู่ในสวนยางพาราและพื้นที่ทางการเกษตรของตน ซึ่งขณะนี้ไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบ เนื่องจากกังวลว่าจะมีกระสุนที่ยังไม่ระเบิดตกค้างอยู่

"เราได้อพยพออกไปตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม เพราะเสียงปืนดังขึ้น แต่พอสถานการณ์เงียบลงจึงกลับเข้ามาเก็บของในวันที่ 28 กรกฎาคม แต่ระหว่างที่กำลังจะออกจากพื้นที่เพื่อไปศูนย์อพยพ กระสุนปืนก็ถูกยิงลงมาอีกระลอก แต่ไม่รู้ตกตรงไหนบ้าง แต่เชื่อว่าลงมาเต็มสวนยางพาราและบริเวณรอบๆ สวนแถบนี้ อยากให้ทางการมาตรวจและทำลายให้ด้วย ตอนนี้ยังไม่กล้าไปเดินดูในสวน และรอบบ้านเลย” นางสาวนันท์มนัสกล่าว

ด้านนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้ประกาศขอความร่วมมือให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง อพยพออกจากพื้นที่อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 7-8 สิงหาคม 2568 จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ พร้อมระบุว่าแม้สถานการณ์จะดูสงบลง แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยอย่างแท้จริง