“บิ๊กเต่า”ลุยสางคดีวัดพระบาทน้ำพุ “หมอบี” ย้ำทำงานอย่างโปร่งใส ชี้ปัญหาคาราคาซัง 30 ปี เร่งหาข้อเท็จจริงทั้งเรื่องเงิน-ที่ดินวัด ไม่ให้กระทบชื่อเสียง ด้าน รอง ผบ.ตร.เตรียมขอข้อมูลวัดทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 พล.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กล่าวถึงปัญหาเกี่ยวกับกรณีเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และกรณีที่นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ ‘หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ’ ซึ่งประกาศรับเงินบริจาคเข้าแห่งนี้ ว่าได้เรียกประชุมคณะทำงานติดตามกรณีดังกล่าวเพื่อสรุปแนวทางการดำเนินการ โดยย้ำว่าหลักการสำคัญ คือการสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่บริจาคเงินให้วัด
พล.ต.ท.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้การตรวจสอบของกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) มีความคืบหน้าไปพอสมควร และจะเข้าสู่การทำงานเชิงลึกมากขึ้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ โดยเฉพาะประเด็นด้านการเงินของวัด ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเกี่ยวพันกับศรัทธาของประชาชน ซึ่งตำรวจตั้งเป้าให้เงินบริจาคนั้นได้กลับมาใช้เพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคอย่างแท้จริง
สำหรับข้อมูลที่ “หมอบี” ให้การกับตำรวจ พบว่ามีความเชื่อมโยงกันและยืดเยื้อมานานกว่า 30 ปี จึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อความศรัทธาของสาธารณชน ทั้งนี้ จะมีการนิมนต์หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้ามาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนด้วย
“ในส่วนการตรวจสอบก็จะดำเนินการทุกมิติ แต่จะทำด้วยความละมุนละม่อม ไม่กระทบชื่อเสียงของวัด ขณะนี้ยังเป็นการพูดคุยเพื่อวางกรอบแนวทาง ยังไม่มีการดำเนินคดีฉ้อโกง และยังไม่ขอตอบว่าเข้าข่ายความผิดหรือพบความผิดปกติอะไร ขอเวลาในการตรวจสอบทั้งเรื่องเงินและที่ดินของวัดกว่า 2,700 ไร่ ยืนยันว่าจะคลี่คลายปัญหาที่คาราคาซังมานานกว่า 30 ปี อย่างโปร่งใส” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
วันเดียวกัน พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร.เป็นประธานประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนา โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาคณะทำงานฯ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม โดย พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อปรับแนวทางการทำงานร่วมกันในระดับปฏิบัติ ซึ่งจะเดินหน้าเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงพื้นที่ ร่วมกันวางแผนในการเก็บข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับวัดและพระสงฆ์ อาทิ จำนวนพระภิกษุ สามเณร ผู้พักอาศัยในวัดป่า และพระอารามต่างๆ การบริหารจัดการภายในวัด ยืนยันว่าไม่ใช่การก้าวล่วงหรือเก็บข้อมูลส่วนตัวของพระ แต่เป็นการสร้างฐานข้อมูลที่ พศ.ดำเนินการมานาน เพื่อนำไปพัฒนาระบบงานและสร้างความโปร่งใสในอนาคต
ด้าน ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง กล่าวว่า ข้อมูลที่ขอจะเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการบริหารวัด ไม่รวมบัญชีการเงินส่วนบุคคล และจะเก็บเป็นความลับ เพื่อป้องกันความผิดพลาดหรือการเผยแพร่โดยไม่เหมาะสม อีกประเด็นสำคัญคือการพัฒนาระบบบัญชีการเงินของวัดให้ชัดเจนและตรวจสอบได้ โดยสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และ พศ.จะร่วมกันวางแนวทาง เนื่องจากบางวัดมีประชาชนศรัทธาบริจาคจำนวนมาก จึงต้องมีระบบดูแลเงินอย่างรัดกุม ไม่ให้นำไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี