ลาออกเจ้าอาวาส
‘หลวงพ่ออลงกต’เปิดทางสอบ
ปมเงินบริจาค-ที่ดินวัดฯ
‘สุชาติ’ลงพื้นที่19ส.ค.นี้
ตรวจ‘วัดพระบาทน้ำพุ’
ลั่นทำผิดดำเนินคดีทันที
“หลวงพ่ออลงกต” ลาออกจาก “เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ” แล้ว คาดเหตุถูกโจมตีเรื่องเงินบริจาควัด-ที่ดินวัด ด้าน “สุชาติ”ลงพื้นที่วัด 19 สิงหาคมนี้ รุดตรวจสอบเอง ลั่นหากพบการกระทำผิดดำเนินคดีทันทีขณะที่อธิบดีกรมสรรพากร ร่อนหนังสือด่วนถึง พศ.บริจาคเงินให้วัด ต้องผ่าน e-Donation ผู้บริจาคใช้ลดหย่อนภาษี
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด แล้ว ในวันเดียวกันนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวร้อนแรงเกี่ยวกับเงินบริจาคของวัดดังกล่าว และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ของวัดแห่งนี้ นับเป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้แก่บรรดาพุทธศาสนิกชนและสังคมในวงกว้าง
ทั้งนี้ การลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากทางวัด รวมทั้งหลวงพ่อเอง ได้ตัดสินใจเลื่อนการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงกรณีเงินบริจาค และเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยบรรยากาศภายในวัดนับตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา แม้ว่าจะยังมีนักท่องเที่ยวเข้าชมกิจกรรมต่างๆ ของวัด แต่หลวงพ่ออลงกต ก็ไม่ได้ออกมาต้อนรับญาติโยมเหมือนเช่นที่ผ่านมา
สำหรับสาเหตุของการลาออกดังกล่าว มีเป้าหมายหลักเพื่อเปิดทางให้มีการตรวจสอบข้อมูลภายในวัดอย่างโปร่งใส หลังจากมีกระแสข่าวต่างๆ เกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินบริจาคของวัด รวมถึงเรื่องที่ดินและทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดแรงกดดันอย่างหนัก ซึ่งการลาออกของหลวงพ่ออลงกต ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังคงเป็นพระสงฆ์ ไม่ได้ลาสิกขาแต่อย่างใด
ด้านนายสมพร โสมะเค็ง ไวยาวัจกรของวัด เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า สาเหตุที่ต้องเลื่อนการแถลงข่าวออกไปก่อน เนื่องจากเพิ่งมีการแต่งตั้งทีมทนายความชุดใหม่ และกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อชี้แจงในทุกประเด็น ขณะที่นายบรรเจต เทพพำนัก เลขานุการกองกิจกรรมพิเศษของวัด ชี้แจงว่า เนื่องจากยังมีกระแสข่าวเชิงลบออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้วัดยังไม่สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดได้ในขณะนั้น กระทั่งทางหลวงพ่ออลงกต ได้ตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่ต้องจับตามองต่อไป ว่าจะส่งผลต่อทิศทางของวัดและคดีความที่เกี่ยวข้องอย่างไร
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่วัดพระบาทน้ำพุ เพื่อตรวจสอบบัญชีเงินบริจาคที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านำไปใช้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ ว่าความจริงหลวงพ่ออลงกต ท่านควรออกมาแถลงข่าว แต่อยู่ๆ ก็เลิกไป ตนรู้สึกเป็นห่วงและพอมีเวลาว่างแล้ว หลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี เสร็จ ก็จะเดินทางไปที่วัดด้วยตนเอง เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่ประชาชนให้ความสนใจ และสะเทือนถึงวงการพระพุทธศาสนา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อลงไปดูแล้วจะมีคำสั่งอย่างไรบ้าง นายสุชาติ กล่าวว่า ต้องไปดูก่อนว่าที่เขาสอบไปถึงไหน อย่างไรบ้าง เพราะมี 2 ส่วน โดยส่วนแรกวัดตั้งเป็นมูลนิธิ 4-5 มูลนิธิ ซึ่งที่มีปัญหามากที่สุดคือมูลนิธิใจฟ้า ที่มีนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือหมอบี เข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งที่ความจริงไม่น่าจะเข้าไปเกี่ยวเพราะเป็นอาสาสมัคร แต่ไปเปิดบัญชีตัวเองและบอกว่าเอาเงินเข้าวัด ตรงนี้ต้องไปสอบให้ดี ซึ่งตำรวจกองบังคับการปราบปราบ (บก.ป.) ดำเนินคดีอยู่ ในการรวบรวมพยานหลักฐาน ตนก็จะไปตามดูว่าเรื่องไปถึงไหน หากพบว่าไม่ถูกต้อง ไม่สุจริต ก็ต้องรีบดำเนินคดี
ส่วนที่ 2 เรื่องของเงินวัด สำนักพระพุทธศาสนา (พศ.) จังหวัด มีหน้าที่ไปตรวจสอบ ซึ่งวัดต้องรายงานเงินบริจาคให้ พศ.ทราบอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีการรายงานขึ้นมาว่ามีอะไรที่ผิดปกติ และการตั้งมูลนิธิอยู่ในกำกับของกระทรวงมหาดไทย เราก็ต้องไปดูด้วย เพราะหลายแห่งอาจจะเลี่ยงการบริจาคโดยเข้ามูลนิธิ ซึ่งเรี่องนี้ พศ.เข้าไปตรวจสอบไม่ได้ และเป็นเทคนิคที่ใช้กันหลายแห่ง อาจจะต้องเอาเคสนี้มาศึกษาและแก้กฎระเบียบเรื่องช่องว่างของกฎหมาย เพราะนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
“หมอบี ไปเปิดบัญชี อยู่ๆ เอาชื่อวัดไปหากิน ถูกต้องไหม ต้องไปดูให้แน่ และอีก 4-5 มูลนิธิ เช่นมูลนิธิโรคเอดส์ มูลนิธิช่วยการศึกษา มูลนิธิช่วยคนยากจน เป็นต้น ต้องไปดูด้วย” นายสุชาติ กล่าว
เมื่อถามว่า นายนิยม เวชกามา ผู้ช่วย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี การันตีว่าหลวงพ่ออลงกต ไม่ผิด นายสุชาติ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าผิดหรือไม่ผิด เพราะต้องลงไปดู ต่อข้อถามว่าก่อนหน้านี้มีความพยายามจะไม่ให้ยาต้านกับผู้ป่วยโรคเอดส์ จนมีการตั้งคำถามว่าทำไมปล่อยเรื่องนี้ยืดเยื้อถึงขณะนี้ นายสุชาติ กล่าวว่า ตรงนี้อาจไม่ใช่อำนาจของ พศ.หรือไม่ อาจเป็นเรื่องของการรักษาพยาบาล หรือกระทรวงสาธารณสุข แต่ยังไม่ได้รับรายงาน เมื่อลงพื้นที่ไปก็จะทราบรายละเอียด จะเรียกผู้ว่าฯ ลพบุรี และสาธารณสุขจังหวัด มาชี้แจง และจะขอไปรับฟังรายงานก่อน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะชี้ช่องให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการต่อใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า วัดต้องมาชี้แจงทั้งหมด ว่าเงินที่ได้ 2 ช่องทางได้มาอย่างไร ตรงวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งมูลนิธิหรือไม่ หากเจออะไรผิดปกติเราก็ต้องแจ้งตำรวจ หรือกระทรวงมหาดไทย ไปดำเนินการ
วันเดียวกัน นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร มีหนังสือด่วนที่สุด ถึง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เรื่อง การพัฒนาวิธีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่วัดวาอาราม โดยให้ใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร โดยหนังสือระบุว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) เพื่อยกระดับบริการภาครัฐให้ประชาชนได้รับความสะดวกและความรวดเร็วเพิ่มขึ้นนั้น กรมสรรพากรในฐานะหน่วยงานที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้บริจาคให้แก่วัดวาอารามจะดำเนินการปรับปรุงกฎหมาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริจาคให้แก่วัดวาอาราม มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์การที่ได้รับการประกาศโดย รมว.คลัง ให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส
ทั้งนี้ ไม่ต้องเก็บหลักฐานการบริจาค และได้รับเงินคืนภาษีรวดเร็วมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระให้หน่วยรับบริจาค ไม่ต้องจัดทำและเก็บหลักฐานการรับบริจาคเป็นกระดาษ ตลอดจนเพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของหน่วยรับบริจาค
สำหรับการปรับปรุงกฎหมายข้างต้นจะกำหนดให้การบริจาคให้แก่วัดวาอาราม มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์การต่างๆ ซึ่งผู้บริจาคได้รับสิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาค หรือหักรายจ่ายการบริจาค ต้องใช้ระบบ e-Donation ของกรมสรรพากรเท่านั้น ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป
นายปิ่นสาย กล่าวว่า ระบบปัจจุบันเวลาวัดจะนำมาใช้สิทธิหักรายจ่าย มีทั้งระบบ e-Donation และแบบการออกใบอนุโมทนาบัตรด้วยมือ ซึ่งการออกด้วยมืออาจจะมีช่องในการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ ดังนั้น กรมสรรพากร จึงกำหนดให้ใช้เฉพาะ e-Donation เท่านั้น โดยวัดที่ยังไม่ได้ใช้ระบบดังกล่าวต้องไปลงทะเบียนกับสรรพากรพื้นที่ รวมถึงธนาคาร
“ต่อไปนี้จะใช้แต่ระบบ e-Donation เมื่อมีการสแกน ข้อมูลก็จะมาขึ้นที่กรมสรรพากรเลย ถ้าไปบริจาคแล้วมีแต่ใบอนุโมทนาบัตร อันนั้นจะได้แต่บุญ แต่ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีไม่ได้แล้ว ซึ่งการบริจาคผ่าน e-Donation ข้อมูลก็จะมาเข้า D-MyTax ของกรมสรรพากรด้วย ทำให้ผู้เสียภาษีไม่ต้องเก็บเอกสารหลักฐาน เพราะข้อมูลจะเข้าระบบมาโดยอัตโนมัติเลย” นายปิ่นสาย กล่าว
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า สาเหตุที่ปรับ เนื่องจากเป็นแนวทางการพัฒนาการขับเคลื่อนในยุคดิจิทัลของกรมสรรพากร ซึ่งจะทำให้กระบวนการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และสอดรับกับระบบ D-MyTax ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี