หวังดีแต่บันดาลโทสะ! เจ้าอาวาสซ้อมพระลูกวัด เพราะอยากสั่งสอน ที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

หวังดีแต่บันดาลโทสะ! เจ้าอาวาสซ้อมพระลูกวัด เพราะอยากสั่งสอน ที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

วันพุธ ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2568, 17.10 น.

หวังดีแต่บันดาลโทสะ เจ้าอาวาสซ้อมพระลูกวัดสาหัส เพราะอยากสั่งสอน ที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ดื่มน้ำท่อมคาวัด

17 ก.ย.68 จากกรณีที่ มีการร้องเรียนจาก แม่ของพระลูกวัด วัดแห่งหนึ่งในเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า พระลูกชาย อายุ 23 ปี จำพรรษาที่วัดดังกล่าวเป็นพรรษาที่ 2 ได้ถูกเจ้าอาวาสวัด ซึ่งมีสมณศักดิ์ถึงชั้นพระครู ทำร้ายร่างกายในกุฏิ ช่วงเวลาประมาณ 9.00 น. ของวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุก็เข้าแจ้งความที่ สภ.หาดใหญ่ แล้ว และพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ได้สอบปากคำ พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาแก่เจ้าอาวาส ข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสและสรุปสำนวนส่งอัยการสั่งฟ้องแล้ว ซึ่งวันที่ 21 ตุลาคมนี้ ศาลนัดคุ้มครองสิทธิ


แม่พระลูกวัดรูปดังกล่าว เล่าว่า พระลูกชายจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ได้พรรษาที่ 2 และเจ้าอาวาสก็เป็นญาติกัน แต่ระยะหลังทราบข่าวมาว่า มีลูกศิษย์ของเจ้าอาวาส ที่บวชพระได้ไม่นาน แล้วลาสิกขา แต่ยังมาคอยดูแลรับใช้เจ้าอาวาสอยู่ในกุฏิ มีพฤติกรรมมั่วสุม ดื่มน้ำพืชใบกระท่อมกัน จึงอยากให้พระลูกชาย ย้ายไปจำวัดที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุงแทน และได้บอกให้พระลูกชาย เก็บสัมภาระไว้ โดยให้เพื่อนสนิทของตนไปรับพระลูกชายออกจากวัดดังกล่าว

 

 

ก่อนเกิดเหตุ พระลูกชายก็เดินเข้าไปในกุฏิเจ้าอาวาส แล้วยกมือไหว้ พร้อมกับบอกกราบลา แต่ปรากฏว่า เจ้าอาวาสที่เดินออกมาจากห้อง ได้เข้าทำร้ายร่างกาย ใช้เท้าเตะจนพระลูกชายล้มลง แล้วยังเตะอีกหลายครั้ง ก่อนใช้มือตบศีรษะอย่างรุนแรง จนพระลูกชายล้มลงไปนอนกองบนพื้น ซึ่งจังหวะนั้นเพื่อนสนิทของตน เห็นเหตุการณ์ตลอด ก็ได้รีบเข้าไปดู ปรากฏว่า พระลูกชายเลือดกลบปาก จนเพื่อนสนิทต้องรีบอุ้มขึ้นรถ พาไปส่งโรงพยาบาลที่ไม่ไกลจากวัด

ส่วนสาเหตุที่เพิ่งออกมาร้องเรียนกับสื่อมวลชน เพราะก่อนหน้านี้ยังเกรงใจ เนื่องจากเจ้าอาวาสวัดนี้ก็เป็นญาติกัน แต่เมื่อดำเนินคดีไปแล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเจ้าอาวาสเป็นพระผู้ใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่ มีคนนับหน้าถือตา อีกทั้งหลังเกิดเหตุ ยังเดินทางไปตามหาตนที่เดินทางไปติดต่อธุรกิจจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอเจรจาให้ยอมความ แต่ตนก็ยืนยันไม่สามารถยอมความกันได้ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน ฟันซี่ล่างหัก 2 ซี่ และจนถึงขณะนี้ก็เข้า-ออกห้องไอซียู มากกว่า 3 ครั้ง อีกทั้งยังมีอาการหวาดผวา ตกใจ ไม่อยากที่จะพูดถึง เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว จึงอยากให้เจ้าอาวาสวัดนี้ ถูกลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ไม่อยากให้รอลงอาญา เนื่องจากสิ่งที่ทำลงไป ไม่ใช่วิสัยของคนที่เป็นพระชั้นผู้ใหญ่จะกระทำ

 

 

ขณะที่ เพื่อนสนิทของแม่พระรูปที่ถูกทำร้ายบอกว่า วันดังกล่าว เพื่อนของตนไปทำธุรกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงขอให้ตนนำพระลูกชาย ไปกราบลาเจ้าอาวาสวัด แต่ขณะที่กำลังพนมมือและจะกราบลา ก็ถูกทำร้ายร่างกาย จนจมกองเลือด นอนอยู่บนพื้น ตนจึงพาพระลูกชายเพื่อน ไปส่งโรงพยาบาล โดยพูดคุยกันก็ไม่รู้เรื่อง เพราะพระมีอาการมึนงง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงขั้นที่ไปส่งโรงพยาบาลแล้ว กำลังฉันข้าวต้ม ฟันหักตกลงไปในถ้วยข้าวต้ม

ซึ่งในเรื่องนี้ทาง พระครูXX เจ้าอาวาสวัดXX  ได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังเจ้าคณะตำบล เขต 1 ว่า พระครูXX ว่า โยมแม่ของพระที่ถูกทำร้ายฯได้มาฝากให้บวชในวัดดังกล่าว และให้ช่วยปกครองดูแล อบรมและสั่งสอน ซึ่งก่อนหน้านี้ พระครูXX ได้ทราบว่า พระฯที่ถูกทำร้ายร่างกาย ผ่านการบำบัดผู้ติดสารเสพติด จากสถานบำบัดแห่งหนึ่งใน จะสุราษฏร์ธานี จึงเมตตา รับไว้ก่อน โดยหวังว่า พระที่ถูกทำร้ายฯ จะกลับตัว กลับใจ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก โดยโยมแม่ ได้กำชับให้พระครูXX  สอดส่องดูแล สั่งสอน พระที่ถูกทำร้ายฯ และไม่ให้กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก

ซึ่งพระครูXX พยายามกำชับและสั่งสอนมาโดยตลอด แต่พระที่ถูกทำร้ายฯก็ไม่ยอมอยู่ในกุฎิของตนเอง ชอบไปอยู่กับพระกุฎิอื่น ก็มีการตักเตือนและห้ามปรามมาโดยตลอด ต่อมาช่วงปลายเดือนเมษายน โยมแม่ ได้มาแจ้งพระครูXX ว่าพระที่ถูกทำร้ายฯมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิม และโยมแม่ได้สอบถามจากพระเพื่อนๆจนทราบว่าพระที่ถูกทำร้ายร่างกาย มีพฤติกรรมไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะที่พระที่ถูกทำร้ายฯกำลังปฎิบัติศาสนกิจ นั่งหัตถบาสก์อยู่อุโบสถ พระปลัดภูวนัยฯเห็นอาการผิดปกติ นั่งตาปรื้อสะลืมสลือ ไม่ปกติ จึงถ่ายภาพส่งให้โยมแม่ ซึ่งโยมแม่ บอกว่าแบบนี้ พระที่ถูกทำร้ายฯต้องเล่นยาเสพติด โยมแม่ จึงบอกกับพระครูXX ว่าให้ดำเนินการจัดการ ถ้าไม่ดำเนินการโยมแม่ จะให้ตำรวจมาดำเนินการเอง 

 

 

ส่วนพระที่ถูกทำร้ายฯจะดำเนินการส่งกลับไปอยู่ศูนย์บำบัดที่เคยอยู่มาก่อน พระปลัดภูวนัยฯจึงรับปากดำเนินการตรวจสารเสพติดเพื่อหาความชัดเจน ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พ.ค.68 พระครูXX จึงมอบหมายให้ พระมหาทรงวุฒิ ฯ พร้อมด้วย พระรณชัยฯ , นายวีระชาติฯ ดำเนินการตรวจปัสสาวะ เพื่อหาสารเสพติด ปรากฏว่าผลการตรวจปัสสาวะเป็นลบ  ซึ่งพระที่ถูกทำร้ายฯรับสารภาพ ด้วยวาจาว่าได้เล่นยาเสพติดจริง แต่เป็นระยะก่อนหน้านี้ 4-5 วัน มีการกินยาขับสารพิษทางปัสสาวะ จึงตรวจไม่พบ และวันเดียวกันช่วงเย็น พระครูXX ได้เรียกพระที่ถูกทำร้ายฯมาพบเพื่อสอบถาม ซึ่งพระถูกทำร้ายฯให้การปฏิเสธ ซึ่งไม่ตรงกับการรับสารภาพด้วยวาจากับพระรณชัย  พระครูXXจึงใช้โทรศัพท์โทรหาโยมแม่ เพื่อให้ พระที่ถูกทำร้ายฯคุยด้วย และพระปลัดฯ บอกว่าเพื่อความชัดเจน พรุ่งนี้จะพาพระที่ถูกทำร้ายฯไปตรวจเลือดเพื่อหาสารเสพติด ที่ รพ.  ผลเลือดออกมาอย่างไร ก็เป็นไปตามกฎระเบียบ  ปรากฏว่าคืนนั้นประมาณ 2 ทุ่ม พระที่ถูกทำร้ายฯได้หลบหนีไปหาเพื่อนที่วัดอื่น ซึ่งการหลบหนีนั้นเป็นการบ่งบอกถึงความไม่บริสุทธิ์ใจในพฤติกรรมส่อแววว่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจึงไม่กล้าไปตรวจเลือด 

ต่อมาในวันที่ 2 พ.ค.ช่วงเย็น พระที่ถูกทำร้ายฯก็กลับมาแอบอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน จนกระทั่งวันที่ 4 พ.ค.68 ช่วงเช้า พระครูXXได้ทำพิธีบวชนาคเสร็จ เตรียมไปกิจนิมนต์ต่อ ก็ได้ขึ้นมาเอาของที่บนกุฎิ ขณะเดินลงมา ก็พบพระที่ถูกทำร้ายฯเดินเข้ามาหา พระครูXX ถามว่าเป็นอย่างไร พระที่ถูกทำร้ายฯตอบว่า จะไปอยู่วัดอื่นพระครูXX ถามว่า วัดไหน พระที่ถูกทำร้ายฯตอบว่า ไม่รู้ พระครูXXจึงมีความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ ว่าพระที่ถูกทำร้ายฯไม่น่าทำตัวไม่ดี ทำให้พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ต้องเสียใจผิดหวังในพฤติกรรมที่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ผิดกฎหมาย ผิดกฎมหาเถรสมาคม และผิดกฎระเบียบของวัด อย่างร้ายแรง และคิดหลีกเลี่ยงไปอยู่วัดอื่น ทำให้พระครูXX เกิดบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก เพราะมีเจตนาดี อยากให้พระที่ถูกทำร้าย เลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หันหน้าศึกษาธรรม แต่กลับผิดหวังเกิดบันดาลโทสะ ทำร้ายร่างกาย พระฯ

ซึ่งคดีนี้ ทางพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ได้ดำเนินการส่งฟ้องไปยังอัยการจังหวัดสงขลาแล้ว เมื่อ 14 ก.ค.68

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top