จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เปิดตัว “โครงการบ่มเพาะและการก่อตั้งกองทุนสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคมแห่งชาติ” เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุม 201 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงาน อว.แฟร์ 2568 โดยมี ศ.ภญ.ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร บพท. และ รศ.ดร.นพพร ลีปรีชานนท์ รองผู้อำนวยการ สกสว. ร่วมลงนามความร่วมมือในโครงการนี้
ศ.ภญ.ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ รองอธิการบดี จุฬาฯ กล่าวว่า ธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องอาศัยองค์ประกอบหลัก ๆ 3 ส่วน คือ 1. องค์ความรู้ ซึ่งไม่มีภาคส่วนใดจะมีองค์ความรู้ไปมากกว่ามหาวิทยาลัย และจุฬาฯ ก็เป็นองค์กรที่สร้าง และสะสมองค์ความรู้ต่าง ๆ มายาวนาน 2. ความซื่อสัตย์ และโปร่งใส ซึ่งจุฬาฯ เป็นหน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไร แต่ทำงานด้วยใจรักในการศึกษาวิจัย และเต็มใจที่จะรับใช้บ้านเมือง และ 3. เงินลงทุน ปัจจุบันกองทุนสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคมแห่งชาติมีเงินลงทุนจากทั้งจุฬาฯ และ บพท. ที่มุ่งขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ ประสบความสำเร็จได้
“โครงการบ่มเพาะและการก่อตั้งกองทุนสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคมแห่งชาติ จะเกิดประโยชน์ต่อผู้คนในทุกระดับ เพราะนวัตกรรมการพัฒนาต่าง ๆ ล้วนต้องใช้องค์ความรู้จากงานวิจัย ที่จะช่วยทำให้คุณค่าของผลิตภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น จุฬาฯ มุ่งส่งเสริมธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) มาโดยตลอด และมีการใช้ภาคเกษตรเป็นจุดเริ่มต้นในของโครงการผ่านผลผลิตโกโก้ ที่ จ.น่าน ซึ่งเกษตรกรจะได้รับประโยชน์จากโครงการเป็นอย่างมาก ส่วนภาคนักวิจัยก็จะได้ขยายองค์ความรู้ และได้ขยายความร่วมมือกับภาคเอกชนให้เกิดผลสำเร็จ หากหน่วยงานใดสนใจเข้าร่วม จุฬาฯ ยินดีเปิดรับทุกรูปแบบ ทั้งการร่วมลงทุนในโครงการ หรือการขอเงินทุนสนับสนุนเพื่อสร้างธุรกิจเพื่อสังคม หากมีความเหมาะสมกับรูปแบบในการดำเนินโครงการ จุฬาฯก็พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่” ศ.ภญ.ดร.พรอนงค์ กล่าว
ศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร บพท. กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ คือการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันของสามองค์กรหลักในการผลักดันธุรกิจเพื่อสังคมให้เป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาประเทศในระยะยาว โดยมี จุฬาฯ เป็นศูนย์กลางการบ่มเพาะและขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคมอย่างเป็นระบบ ซึ่งธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่เพียงภาคเกษตรเท่านั้น กลุ่มกิจการต่าง ๆ หากมีความสนใจก็สามารถติดต่อโครงการ โดยมีจุฬาฯเป็นศูนย์กลางในการให้ความรู้ โดยใช้กรอบความรู้ของงานวิจัย เพื่อให้โครงการเกิดผลสำเร็จอย่างสูงสุด
ด้าน รศ.ดร.นพพร ลีปรีชานนท์ รองผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า สกสว.มุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจ และลดความเหลื่อมล้ำของภาคประชาชน ซึ่งในภาคการเกษตร ถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทย แต่ขาดการบูรณาการทรัพยากร และองค์ความรู้ใหม่ ๆ หากเรามาร่วมมือกันก็จะเกิดพลังในการพัฒนาได้ โครงการดังกล่าว ทำให้เกิดการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสังคมให้เกิดขึ้นได้จริง ซึ่งจุฬาฯ มีงานวิจัยและนวัตกรรมต่าง ๆ มากมาย โครงการนี้จึงมีส่วนในการส่งเสริมการนำงานวิจัยมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ทำให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม โครงการนี้มีความคาดหวังการร่วมมือจากภาคเอกชน นักลงทุนต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมกับจุฬาฯ บพท. และ สกสว. เพื่อร่วมลงทุน และขับเคลื่อนในธุรกิจเพื่อสังคมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เป็นหมุดหมายที่ทำให้ประชาชนไทย มีรายได้สูงขึ้น สามารถก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในอนาคตอันใกล้นี้
นอกจากนี้ภายในงานมีการจัดเสวนาในหัวข้อ "เร่งเครื่องการเปลี่ยนแปลง: มหาวิทยาลัย รัฐบาล และ นักลงทุน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของผลกระทบทางสังคม” (Catalyzing Change: University, Government, and Investors for Social Impact Growth) โดยมี ศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร บพท. ผศ.ดร.ธัญศิภรณ์ ณ น่าน ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการวิจัยและพัฒนาโกโก้ไทยเพื่อความยั่งยืน สำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาฯ นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการพิจารณา ติดตาม และประเมินผล ภายใต้แผนงานย่อย การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจและยกระดับความมั่นคงและคุณภาพชีวิตเมืองชายแดน หน่วย บพท. คุณอภิชาต การุณกรสกุล ประธานกรรมการมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม และคุณ ธีรพงศ์ คำมูล บริษัท ออดิวา ไทย คาเคา จำกัด (ฟาร์ม่าวัน) ร่วมเสวนา
ผศ.ดร.ธัญศิภรณ์ ณ น่าน ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการวิจัยและพัฒนาโกโก้ไทยเพื่อความยั่งยืน สำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาฯ กล่าวว่า โครงการการยกระดับเศรษฐกิจเมืองชายแดนด้วยกลไกการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจโกโก้ไทยสู่ระดับสากล” โดยสำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโครงการต้นแบบความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อหาทางออกช่วยเกษตรกรและหน่วยธุรกิจที่เกี่ยวข้องในระบบนิเวศเศรษฐกิจโกโก้ในประเทศไทยในพื้นที่ 11 จังหวัด ริเริ่มที่ จ.น่าน พื้นที่ปลูกโกโก้มากที่สุดของประเทศไทย โดยจุฬาฯได้ทำการศึกษาวิจัยและนำองค์ความรู้จากงานวิจัยไปพัฒนาเกษตรกรและธุรกิจในพื้นที่ มีการวิเคราะห์ถึงความคุ้มค่า และทิศทางในการต่อยอดในอนาคต โดยร่วมมือกับหลายหน่วยงานเพื่อสร้างระบบนิเวศทางการศึกษาวิจัย และช่วยเหลือชุมชน สิ่งนี้จะเป็นโมเดลให้แก่มหาวิทยาลัยและภาคส่วนอื่น ๆ ในการช่วยยกระดับคุณภาพผลผลิตสู่ตลาดโลก และสร้างงานในชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม เป็นการสร้างกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่นำไปสู่ความยั่งยืน ถือเป็นตัวอย่างของธุรกิจเพื่อสังคมอย่างแท้จริง
โครงการบ่มเพาะและการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคม เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการสนับสนุนและส่งเสริมธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการด้านสังคมให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน และแก้ไขปัญหาสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยโครงการดังกล่าวรวมถึงการบ่มเพาะธุรกิจ การให้คำปรึกษา การสนับสนุนด้านการเงิน และการสร้างเครือข่าย เพื่อให้ธุรกิจ เพื่อสังคมเติบโตและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม
ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนิเวศแห่งการประกอบการรูปแบบใหม่ที่ไม่ได้มุ่งแสวงหากำไรเพื่อความมั่งคั่ง แต่เน้น “กำไรทางสังคม” ที่ยั่งยืนและครอบคลุม พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายมหาวิทยาลัย ภาครัฐ เอกชน และชุมชน ผ่านแนวทาง Public-Private Partnership (PPP) โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม พัฒนา และขยายขีดความสามารถของผู้ประกอบการเพื่อสังคม (Social Entrepreneurs) ให้สามารถดำเนินธุรกิจที่สร้างคุณค่าทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านการสนับสนุน องค์ความรู้ แหล่งทุน การบ่มเพาะธุรกิจ การเชื่อมโยงเครือข่าย และการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเน้นการลงทุนในธุรกิจที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม และยึดหลัก ESG อย่างเป็นรูปธรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี