“มาริษ” เตรียมเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการ พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Gripen ของกองทัพอากาศ
20 สิงหาคม 2568 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวประจำสัปดาห์ของกระทรวงการต่างประเทศ ว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางไปเยือนประเทศสวีเดนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 24 -26 สิงหาคม 2568 นี้ เพื่อประกาศยกระดับความสัมพันธ์ไทย-สวีเดน สู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ โดยในวันที่ 26 สิงหาคม รมว.กต. จะเข้าพบหารือทวิภาคีกับ นางมาเรีย มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมลงนามในเอกสารความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย-สวีเดน ซึ่งมีสารสำคัญเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี สู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ และแสดงความมุ่งมั่นแห่งการเมืองในการส่งเสริมและขับเคลื่อนความร่วมมือในสาขาที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น การกำหนดกลไกหารือทวิภาคีทางการเมืองเชิงยุทธศาสตร์ การค้าการลงทุน ความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ รวมถึงการเปลี่ยนผ่านสีเขียว นวัตกรรม การศึกษา และการส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชน ทั้งนี้ ประเทศ สวีเดน เป็นประเทศที่ 2 ในยุโรป ที่มีความสัมพันธ์ระดับสู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ต่อจากสหราชอาณาจักร
นอกจากนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.กต. จะร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามสัญญาว่าด้วยการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ระยะที่หนึ่งของกองทัพอากาศ รวมถึงพบหารือกับเอกชนชั้นนำและภาควิชาการของสวีเดน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนโยบายเศรษฐกิจและการลงทุนของไทย และผลักดันความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสีเขียวอีกด้วย
นายนิกรเดช กล่าวถึงเรื่องการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย หรือ ACD สมัยที่ 20 และการประชุมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างวันที่ 1- 3 กันยายน 2568 ซึ่งในปีนี้ไทยเป็นประธานกรอบความร่วมมือเอเชีย ที่เน้นความสำคัญของการส่งเสริมความร่วมมือ ACD ในสาขาหลัก ซึ่งรวมถึงการพัฒนาการที่ยั่งยืนทางการเงิน การเปลี่ยนผ่านดิจิทัล การท่องเที่ยว และการศึกษา ระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน นี้ โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ 20 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อหารือเกี่ยวกับอนาคตของ ACD และวิธีการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐสมาชิก รวมถึงการยกระดับ ACD สู่การเป็นองค์กรระดับภูมิภาค โดยจะเป็นการต่อยอดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ที่ไทยเป็นประธานและเป็นเจ้าภาพการประชุมเมื่อวันที่ 6 ก.พ.และเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยในวันที่ 1 กันยายน 2568 จะเป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และวันที่ 2 กันยายน เป็นการประชุมหารือระดับสูง แบ่งเป็น 3 หัวข้อ โดย 1 . ความยั่งยืนทางการคลัง และการเงิน 2. ความปลอดภัยและความครอบคลุมของการเงินดิจิทัล และ 3. การเงินเพื่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่วนวันที่ 3 กันยายน จะเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ 20
ทั้งนี้ ACD ก่อตั้งขึ้นโดยข้อริเริ่มของไทย ในปี 2545 เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือและเวทีหารือระดับนโยบายระหว่างประเทศในเอเชีย และเพื่อส่งเสริมความเข้าใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศในเอเชีย รวมถึงเพื่อหาทางออกสำหรับปัญหาและความท้าทายระดับโลกในปัจจุบันร่วมกัน ACD ปัจจุบันมีสมาชิก 35 ประเทศ
นายนิกรเดช กล่าวถึงการแสดงปาฐกถาสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร เกี่ยวกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยกระทรวงการต่างประเทศ และสภากาชาดไทย ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดปาฐกถาสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร เกี่ยวกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ครั้งที่ 11 ซึ่งจัดขึ้นที่กระทรวงการต่างประเทศ
โดย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงฟังปาฐกถา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯเสด็จพระราชดำเนินทุกครั้ง ตั้งแต่จัดครั้งแรก เมื่อปี 2546 การจัดปาฐกถามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่สาธารณะชน เกี่ยวกับหลักกฏหมายมนุษธรรมระหว่างประเทศ และการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม ทั้งยังเป็นการดำเนินการตาม 1 ใน 8 คำมั่นของไทย ที่ประกาศไว้ในการประชุมนานาชาติของสภากาชาดและสภากาชาดเสี้ยววงเดือนแดง ระหว่างประเทศ ครั้งที่ 34 เมื่อตุลาคม 2567 ที่นครเจนีวา เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ การยกย่องและเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นการตอกย้ำบทบาทของไทยในเวทีด้านมนุษยธรรมทั้งในประเทศและนานาชาติ โดยในปีนี้นางมารียานา สปอลยาริช เอ็กเกอร์ ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC ได้ให้เกียรติมาแสดงปาฐกถา ในหัวข้อ การธำรงไว้ซึ่งความเป็นมนุษย์ในสงครามในยุคปัจจุบัน ย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างความตระหนักรู้และการเคารพกฎหมายกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ทั้งยังเตือนถึงแนวโน้มการใช้ข้อมูลข่าวสารเป็นอาวุธ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรักษาหลักขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ในยามสงคราม เพื่อยึดมั่นระเบียบโลก บนฐานนิติธรรม หัวข้อปาฐกถาครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ทันท่วงทีและสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในฐานะที่ไทยเป็นประเทศที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง จากการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงโดนโจมตีด้วยการเผยแพร่ข่าวปลอมจากกัมพูชา นอกจากนี้ คำกราบบังคมทูลถวายรายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีใจความสำคัญว่า
“การจัดปาฐกถาครั้งนี้ สะท้อนถึงเจตนารมย์ของไทยในการธำรงไว้ซึ่งกฎหมายมนุษยธรรม แม้ท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรง พร้อมชี้ถึงมรดก 150 ปีกระทรวงการต่างประเทศ ที่ยืนหยัดในเส้นทางเจรจาเพื่อแปลความตึงเครียด เป็นความเข้าใจ และเปลี่ยนความเป็นปฏิปักษ์ เป็นความร่วมมือ เพราะความสงบสุขไม่ได้เกิดขึ้นในสนามรบ แต่เกิดขึ้นบนโต๊ะเจรจา และการทูตจะพิสูจน์คุณค่าได้ก็ต่อเมื่อสามารถขจัดความจำเป็นในการใช้อาวุธออกได้”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี