รวบอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุนจากกกต. เผ่นหนีไปลาว

22 สิงหาคม 2568 ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) , พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.ฯ ปรก. รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 , พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี , พ.ต.อ.วีระวุฒิ  ดำสุวรรณ ผกก.สภ.พระพุทธบาท  เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.ภ.1 นำโดย พ.ต.อ.นัฎฐพงษ์ ศรีเพ็ญประภา ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.1 ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.สระบุรี นำโดย  พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี พร้อมกำลัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท , ตม.จว.หนองคาย , กกต.จว.หนองคาย ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสระบุรี ลงวันที่ 16 มิ.ย.2566 และหมายจับของศาลจังหวัดสระบุรี ลงวันที่ 22 ม.ค.2567

สืบเนื่องจากนายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง เมื่อปี 2562 ต่อมาได้รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง เป็นจำนวนยอดรวมประมาณ 17.6 ล้านบาท ต่อมาไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต.เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ฯ และนางสาวพัตร์พิมล เหรัญญิกพรรค ผู้ต้องหาที่ 2

ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยได้เลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้ทำการหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการออกหมายจับในข้อหา “เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง นำหรือยินยอมให้บุคคลอื่นนำเงินหรือทรัพย์สินของพรรคการเมือง ไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือบุคคลอื่นฯ” ทั้ง 2 คนจึงเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี

จากการสืบสวนผู้ต้องหาได้ทำการหลบหนีไปยังประเทศ สปป. ลาว เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 1 จึงได้ทำการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประเทศลาว เพื่อให้ดำเนินการจับกุมตัวผู้ต้องหาคนดังกล่าว

จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีมาอยู่ที่กรุงเวียงจันทน์ ประเทศ สปป.ลาว จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สปป.ลาว เข้าทำการจับกุม และได้ส่งตัวนายพีระวิทย์ กลับมายังประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 1 จึงได้ทำการรับตัวเพื่อไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เบื้องต้นนายพีระวิทย์ ให้การว่าได้กระทำความผิดในเรื่องดังกล่าวจริง และได้ทำการหลบหนีไปทำธุรกิจส่วนตัวในประเทศ สปป.ลาว เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 1 จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป