ซุบซิบกทม.

“การปฎิบัติการตรวจค้นตามนโยบายรัฐบาล” หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษให้โก้เก๋ว่า“No Drugs No Dealers” อันหมายถึงทุกพื้นที่เป้าหมายไม่มียาเสพติด ไม่มีการค้า การพูดคุย การต่อรองหรือเจรจาขายกันใดๆทั้งสิ้น ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยลั่นกลองรบ หน่วยงานในสังกัดดำเนินการเข้มแข็งนั้น ถ้าพูดกันตามเนื้อผ้าเป็นเรื่องที่ดี เพราะวันนี้หลายพื้นที่ของประเทศต้อง“วิบากกรรม”เจอกับปัญหายาเสพติดที่ทำให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อทั้งทางตรงและทางอ้อมมากมายทีเดียว พิษภัยของยาเสพติดถือเป็นปมภัยร้ายแรงยิ่งต่อสังคมเศรษฐกิจ ประชาชนของชาติสาหัสสากรรจ์ และชาติใดก็ตามที่ปล่อยให้ยาเสพติดครอบงำ หรือรัฐบาล หรือคนในรัฐบาลเสพสุขได้ประโยชน์กับยาเสพติดย่อมได้ชื่อว่าเป็น“กาลกินี”ต่อบ้านนั้นเมืองนั้นไม่แตกต่างจากการปล่อยให้“แก๊งอุบาทว์”คอลเซ็นเตอร์ครองเมือง...แน่นอนหน่วยงานสายการปกครองทั้งหมดรวมถึงตำรวจต่างรับทราบปฎิบัติตามนโยบายทั่วหน้า ...แต่ไม่ได้แปลว่าหน่วยงานทางการปกครองดังกล่าวจะเพิ่งเริ่มขยับ โดยเฉพาะ กทม.เขาทำเข้มข้นมานานแล้ว นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ“เสาชิงช้า จับประเด็นนี้มาตั้งแต่เข้ามาเป็นผู้ว่าฯกทม. ใหม่ๆทีเดียวแต่ที่มันไม่กระหึ่มเพราะท้องถิ่นขาดอำนาจ ทำได้แค่ตรวจสอบเอ็กซเรย์ชุมชนว่าที่ใดมีคนตกเป็นทาสยาเสพติดกี่มากน้อย และเอาคนเหล่านั้นเข้าสู่การบำบัด ณ ศูนย์บำบัด 69 แห่งให้กลับตัวกลับใจไปประกอบอาชีพสุจริต ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ติดยาสมัครใจเข้ารับการบำบัดไปแล้วประมาณ 4.500 กว่าคน ขณะเดียวกันก็เน้นสร้างภูมิคุ้มกันความต้านทานให้กับชุมชนด้วย โดยตั้งศูนย์”พิชิตใจ“ขึ้น เพื่อทำหน้าที่อบรมให้ความรู้รวมถึงการชี้แนะแนวทางถูกต้องกับผู้หลงผิด ที่ผ่านมาการเอ็กซเรย์ช่วยเหลือประชาชนผู้สมัครใจเข้าอบรมฟื้นฟูดังกล่าวได้ผลอย่างมาก แต่เนื่องจาก กทม.ขาดอำนาจทางกฎหมายจึงทำอะไรให้เด็ดขาดลักษณะหน่วยงานเดียวไม่ได้ดังความตั้งใจ...เมื่อกระทรวงมหาดไทยตื่นรู้การลงพื้นที่พร้อมลุยตรวจสอบประสานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรัดกุม กทม.ก็มีกำลังขับเคลื่อนเต็มสูบเช่นกัน ...ย้ำว่าการเอ็กซเรย์ชุมชนเพื่อค้นหาผู้เสพยา หรือชุมชนได้อยู่ในความเสี่ยงเรื่อง“ยานรก”นั้น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.ทำเพียงลำพังไร้อำนาจกฎหมายรองรับมานานแล้ว....

ไผ่ฎำ

036