“ทิดสมปอง” เข้าพบตำรวจ แสดง ความบริสุทธิ์ใจ ปมยืมเงิน “อดีตพระอลงกต” 13 ล้านบาท “รอง ผบก.ป.” เผย ได้ข้อมูลสำคัญ"ทิดจอร์จ” ใช้เงินฟุ่มเฟือย กระจาย ไปยังบุคคลอื่นอีกมากมาย เตรียมตรวจเส้นเงินผู้ที่เกี่ยวข้องลอตที่ 2 ต่อไป

ความคืบหน้ากรณี นายสมปอง นครไธสง หรือ อดีตพระมหาสมปอง ออกมายอมรับว่า ได้ขอยืมเงินของทิดจอร์จ หรืออดีตพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เป็นจำนวนเงิน 13 ล้านบาท และได้ทยอยคืนเงินที่ยืมมาไปแล้วประมาณ 5.5 ล้านบาท โดยนายสมปองอ้างว่า เงินที่ยืมมานั้น เป็นเงินส่วนตัวของอดีตพระอลงกต ไม่ใช่เงินของวัด ขณะที่สังคมตั้งคำถามว่า นายสมปองมีส่วนเกี่ยวของกับทิดจอร์จหรือไม่

ล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 29 สิงหาคม 2568 นายสมปอง ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ว่า “วันนี้ผมและทนายเก่ง วิษรุษ มณีรัตน์ น้องชายของผม ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวน ที่กองบังคับการปราบปราม และได้นำพยานหลักฐานทั้งหมด สลิปการโอนทุกแผ่น ทุกยอด มอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของผม จากนี้ก็เป็นขั้นตอนของกฎหมาย และผมพร้อมจะให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนทุกกรณี”

ทางด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผบก.ป. เปิดเผยว่า กรณีที่นายสมปองมาเข้าพบพนักงานสอบสวนนั้น ทางตนยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าการที่นายสมปองมาพบตำรวจคงจะมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า การยืมเงินหลักสิบล้านจากทิดจอร์จ หรือ อดีตพระอลงกตไปนั้น ไม่ได้เป็นความผิดอย่างใด เพราะไม่รู้ที่มาที่ไปของเงิน นั้นเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะต้องนำหลักฐานที่มีมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงกัน

สำหรับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในคดี ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลสำคัญมาแล้ว โดยทราบว่า อดีตพระอลงกตมีการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยไปเป็นจำนวนหลายล้านบาท ได้มาง่ายก็เสียง่าย และกระจายไปยังบุคคลอื่นอีกมากมาย ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทยอยเร่งตรวจสอบเส้นเงินอย่างละเอียด

ส่วนพวกบรรดามูลนิธิของวัดพระบาทน้ำพุจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น พ.ต.อ.เอนก ระบุว่า เป็นเรื่องของลำดับขั้นตอนต่อไป ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่มี หากหลักฐานบ่งชี้ว่ามีความผิดจริง ก็จะต้องดำเนินไปตามขั้นตอนกฎหมาย

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงเย็นวานวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา นายสมปอง ได้เดินทางขอเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เคยยืมเงินจำนวน 13 ล้านบาท จาก อดีตพระอลงกตโดยยอมรับว่า เคยขอยืมเงินจากอดีตพระอลงกต จำนวน 13 ล้านบาทจริง เพื่อจะนำไปใช้รักษาแม่ที่ป่วยติดเตียง ไม่ได้มีเจตนาใดแอบแฝง หรือ เข้าไปรู้เห็นหรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการนำเงินของวัดมาใช้แต่อย่างใด เพียงแต่ไม่ได้มีการทำสัญญากู้ยืมเป็นหลักฐานเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาก็ทยอยโอนเงินใช้หนี้คืนไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่ง ซึ่งมีหลักฐานเป็นสลิปการโอนเงิน

อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจยืนยันว่า นายสมปองได้ติดต่อขอเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางคดี โดยไม่ได้ถูกเชิญตัวจากทางพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด ซึ่งทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเองก็พร้อมรับฟังและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย