วันที่ 3 กันยายน 2568 เวลา 13.30 น. นายวรวุฒิ เนียมน้อย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก มอบหมายให้ นายวิทูร เกิดอินทร์ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน ร่วมลงพื้นที่ร่วมกับนายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมนายพิสิษฐ์ วงศ์เธียรธนา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลกและคณะฯ ติดตามสถานการณ์น้ำ จากผลกระทบ พายุ “หนองฟ้า” ในเขตุเทศบาลนครพิษณุโลก ณ สถานีวัดน้ำ N.5A (สะพานเอกาทศรถ พิษณุโลก) โดยหัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำฯ ได้รายงานว่า ปัจจุบันระดับน้ำ สูง 9.56 เมตร/ระดับตลิ่ง: 10.37 เมตร(ต่ำกว่าตลิ่ง 0.81 เมตร) อัตราการไหล 1115.00 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อยู่ในเกณฑ์ (ธงสีส้ม) = วิกฤติ เริ่มส่งผลกระทบน้ำไหลย้อนเข้าท่อระบายน้ำเทศบาลนครพิษณุโลก โดยทาง เทศบาลฯ ได้มีการดำเนินการบล็อกหรือปิดฝาท่อระบายน้ำทันที และใช้เครื่องสูบน้ำระบายน้ำออกจากพื้นที่ชุมชนต่างๆ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในเขตเมือง แต่ยังไม่มีผลกระทบในวงกว้าง และยังไม่ถึงระดับล้นตลิ่ง โดยจากที่เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำสะสม 8,147 ล้าน ลบ.ม. (86% ของความจุอ่างฯ) และก่อนหน้านี้ มีมติให้เขื่อนสิริกิติ์คงการระบายน้ำในเกณฑ์ 50 ล้าน ลบ.ม./วัน ไปจนถึงวันที่ 10 กันยายน 68 แต่เนื่องจากขณะมีปริมาณฝนตกหนักบริเวณพื้นที่ท้ายอ่างฯตลอดมา ดังนั้นเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน จึงต้องปรับลดการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ลงเหลือในอัตรา 33 ล้าน ลบ.ม./วัน)ให้สอดคล้องกับระดับน้ำในแม่น้ำน่าน

จึงปรับแผนการระบายน้ำจาก เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ คือ1. ระหว่างวันที่ 1 – 3 กันยายน 2568 ปรับลดการระบายน้ำลงเหลือ วันละ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร (ประมาณ 290 ลูกบาศก์เมตร/วินาที)2. ระหว่างวันที่ 4 – 7 กันยายน 2568 ปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็น วันละ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร (ประมาณ 580 ลูกบาศก์เมตร/วินาที) และปัจจุบันเขื่อนผาจุก ระบาย 500 cms โดยใช้ผลรวมจากการระบายเขื่อนสิริกิติ์ ประมาณ 290 cms และ ยังมีside flow น้ำปาดกับคลองสิงห์ 210 cms จากฝนตกในพื้นที่ จากสถานการณ์ด้านท้ายเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำท่าของลำน้ำสาขาเติมในลำน้ำน่าน สถานีวัดน้ำท่าอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ N2B ปริมาณน้ำ 775 cms แนวโน้มลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สถานีวัดน้ำท่า N60 ปัจจุบันยังมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1040 cms แนวโน้มลดลงยังไม่มาก มีน้ำเติมจากลุ่มน้ำคลองตรอนที่ประสบอุทกภัย ประมาณ 250  cms ส่งผลให้แม่น้ำน่านด้านท้ายสูงขึ้น (จังหวัดพิษณุโลกเกณฑ์เฝ้าระวัง พิจิตรล้นตลิ่ง 72 cm.ยังคงมีน้ำท่วมขังชุมชนหลังสถานีรถไฟ 20 หลัง) เพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าวดังนั้นเพื่อระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์   ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน ส่วนบริหารจัดการน้ำ

สำนักงานชลประทานทที่ 3  ได้ขอให้พิจารณาปรับลดการระบาย เขื่อนสิริกิติ์ลงเหลือ 290 cms (25 mcm) ในวันที่ 4 กันยายน 68 ต่อไป และเพิ่มเป็นขั้นบันได ในวันที่ 5 กันยายน 68 เป็น 30 MCM วันที่ 6 เป็น 35 ล้าน และวันที่ 7 เป็น 40 cms  เพื่อให้โครงการฯผาจุก ปรับการระบายน้ำคงเหลือ 440-500 cms. จนกว่าสถานการณ์น้ำด้านเขื่อนสิริกิติ์ดีขึ้น (N5A< 900 ,N7A< 1000 ) และจะนำเรียนอีกครั้งถ้ามีการปรับเพิ่มหมายเหตฺ : เกณฑ์เฝ้าระวัง ระดับการเตือนภัย และจัดทำระดับน้ำท่ามที่เคยเกิดขึ้น(Fiood Mark) สถานี N.5A : ระดับน้ำแม่น้ำน่าน vs อัตราการไหล อีกทั้ง“ธงแสดง การเฝ้าระวังระดับน้ำ(เขียว เหลือง แดง) •ความสูงระดับน้ำ ตั้งแต่ 7.50 - 8.50 ม. (สีเหลือง) = เฝ้าระวัง (≈ 700 -800 ลบ.ม./วินาที)•ความสูงระดับน้ำ ตั้งแต่ 8.50 – 10.37 ม.(สีส้ม) = วิกฤติ (≈ 800 - 1,365 ลบ.ม./วินาที) มีผลกระทบกับ โดยเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำในเขื่อน 579 ล้าน ลบ.ม(61.66%) ระบายน้ำ 1.3 ล้าน ลบ.ม/วัน (15 Cms.)ยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 360 ล้าน ลบ.ม. อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนชาวพิษณุโลก ให้ติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด แต่ว่าไม่ต้องกังวล ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามและบริหารจัดการน้ำด้วยความระมัดระวังสูงสุด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก หากต้องการความช่วยเหลือหรือข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อโครงการชลประทานในพื้นที่ใกล้บ้าน หรือสายด่วนกรมชลประทาน โทร. 1460 ตลอด 24 ชั่วโมง