‘แม่ทัพภาคที่ 1’ลั่นต้องเดินเกม‘ย้อนศร’กัมพูชา ทวงคืน‘บ้านหนองจาน’ขอปชช.ใจเย็น
4 กันยายน 2568 กองทัพภาคที่1 (ทภ.1) ชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ว่า เมื่อเวลา 09.30 น. สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา จังหวัดสระแก้ว ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการติดป้ายประกาศให้ประชาชนชาวกัมพูชา จำนวนกว่า 170 ครัวเรือน ย้ายออกจากพื้นที่รุกล้ำบริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว อันเป็นพื้นที่ฝั่งประเทศไทย
ต่อมาเช้าวันที่ 4 กันยายน 2568 มวลชนชาวกัมพูชาประมาณ 150 คน ได้เคลื่อนเข้ามาชุมนุมประท้วงใกล้หลักเขตแดนที่ 46 กองกำลังบูรพา โดยกองกำลังเฉพาะกิจที่ 12 ได้เข้าตรวจสอบและจัดกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ พร้อมประสานผู้บังคับกองพลน้อยราบที่ 51 ให้จัดกำลังฝ่ายกัมพูชาควบคุมประชาชนฝั่งตนเอง เพื่อมิให้เกิดการยั่วยุหรือความรุนแรงในพื้นที่ชายแดน
ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายลง โดยฝ่ายไทยได้จัดกำลังควบคุมฝูงชนจากตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เข้ารักษาการณ์ในพื้นที่ เพื่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน
กองกำลังบูรพาขอยืนยันว่าจะดำรงไว้ซึ่ง อธิปไตยแห่งชาติ และไม่ยินยอมให้มีการรุกล้ำอาณาเขต พร้อมทั้งจะปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความมั่นคง และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนบริเวณแนวชายแดนอย่างเต็มกำลังความสามารถ
ด้าน พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 (มทภ.1) พร้อมด้วยนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และคณะ เดินทางลงพื้นที่ บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อพบปะประชาชน และตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณแนวชายแดนถนนศรีเพ็ญ
จากนั้นเเดินทางต่อไปยังบริเวณหลักเขตแดนหมุด 46–47 เพื่อตรวจสอบพื้นที่ข้อพิพาท
พล.ท.อมฤต ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนเดินทางมาที่บ้านหนองจาน มีจุดประสงค์อยู่ 4 เรื่องคือ
1.มาดูพื้นที่ที่เรากำหนดไว้ในการอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่จะเข้ามาให้กำลังใจ และมาดูความเรียบร้อยต่างๆ
2.ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกำลังพลที่อยู่หน้าแนวทั้งหมดในพื้นที่ของกองกำลังบูรพา ซึ่งมาดูปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ และเน้นย้ำเรื่องควบคุมพื้นที่ให้ได้
3.มาเยี่ยมเยียนประชาชนบ้านหนองจานที่ได้รับโฉนดต่างๆ ที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วได้มาดำเนินการให้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นทิศทางที่ดีที่จะนำไปสู่พื้นที่อื่นๆ อีก ทั้งนี้ทุกอย่างมีขั้นตอนต้องมีระยะเวลา
4.มาติดตามความคืบหน้าเรื่องการปฏิบัติงาน เพราะการดำเนินงานไม่ใช่มิติทางทหารอย่างเดียวแต่ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่1 มีความค่อนข้างยากหลายมิติ ไม่ใช่เฉพาะการปฏิบัติการทางทหารอย่างเดียว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญ คือเราต้องมีความเข้าใจ และคิดเหมือนกัน คิดตรงกัน เพื่อเดินหน้าต่อไปในการบูรณาการทุกภาคส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ตอนนี้การทำงานร่วมกันระหว่างกองกำลังบูรพาและจังหวัดสระแก้วมีความแน่นแฟ้นเป็นอย่างยิ่ง เพื่อขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ตามกลไกที่มีอยู่ ซึ่งในพื้นที่ตรงนี้ไม่ได้อยู่กับกัมพูชาอย่างเดียว สิ่งที่ทางกัมพูชาต้องการก็คือให้นานาชาติมาปิดล้อมเรากดดันเรา แต่เราไม่หลงกลในสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เราต้องย้อนกลับไปว่าจะทำอย่างไรให้นานาชาติมากดดันกัมพูชาแทน
“ปัจจุบันเราปิดด่าน ทำให้ปัญหาเรื่องสแกมเมอร์ลดน้อยลง รวมถึงชาวกัมพูชาที่พยายามลักลอบเข้ามาไทย เราจับได้เป็นจำนวนมาก และเห็นผู้นำกัมพูชาไปปรากฏการณ์ที่จีนบ้าง สหรัฐฯบ้าง เพื่อต้องการแสดงออกว่ามีมหาอำนาจให้ความดูแล ซึ่งตรงนี้เราต้องไม่เดินไปตามเกมของเขา ต้องให้เขาเดินเข้ามาในเกมของเรา” แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
พล.ท.อมฤต กล่าวว่า สำหรับการปฏิบัติมีขั้นตอนในวันที่ 10 ก.ย. นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา( GBC )ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ไว้จากผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค( RBC) ทั้งหมดในทุกพื้นที่ ทางพื้นที่กองทัพภาคที่1 และกองทัพภาคที่2 นำไปรวบรวม เพื่อไปทำข้อเสนอ และยื่นกับกัมพูชา เพื่อพูดคุยร่วมกันให้ได้ข้อสรุปออกมา
“ขอให้ประชาชนใจเย็นๆ เพราะเราต้องไม่เดินไปในเกมของเขา เราต้องให้เขาเข้ามาในเกมของเรา” แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
พล.ท.อมฤต ระบุอีกว่า เมื่อเช้าได้มีการติดตามเรื่องทุ่นระเบิด ได้ไปดูพื้นที่ที่มีระเบิดตกค้าง ซึ่งทางกัมพูชารับข้อเสนอของกองทัพภาคที่1 ในการเก็บกู้ระเบิด ต้องเรียนว่าทุ่นระเบิดไม่รอเวลาว่าจะหยุดจริงหรือไม่หยุดจริง มันสามารถระเบิดได้ตลอดเวลา ดังนั้นหากใครเดินไปเหยียบ หรือเข้าไปในพื้นที่ที่คิดว่าปลอดภัยแล้วบางครั้งมันยังไม่ปลอดภัย ทำให้เกิดการสูญเสียขึ้น รวมทั้งพื้นที่ทางทหารเราจะพยายามควบคุมไม่ให้มีการวางระเบิดใหม่ขึ้น เราสามารถควบคุมได้ทุกพื้นที่
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่งคลิปเรื่องด่านคลองหาดเขาดินให้ตนดู ซึ่งคลิปนั้นเป็นคลิปปลอม เรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือน มิ.ย. แล้ว ซึ่งรถสินค้าตกค้าง เจ้าของคลิปที่พูดก็เจอตัวแล้ว เขาก็ขอโทษว่ามีคนเอาคลิปของเขาไปบิดเบือน ซึ่งตนได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือกรมศุลกากร และส่วนต่างๆ ได้ชี้แจงแล้ว หากบิดเบือนแบบนี้ ทางกรมศุลกากรอาจจะฟ้องในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็ได้
ส่วนกรณีที่มีสถานการณ์ที่บ้านหนองจานนั้นเป็นเรื่องปกติของกัมพูชา เพราะเมื่อวานท่านผู้ว่าฯไปปักป้าย เพื่อให้กัมพูชาย้ายออกไป เพราะหากเราดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง และกฎหมายป่าไม้ และเป็นธรรมดาที่กัมพูชาจะเอาเด็ก หรือผู้หญิงมาแสดงต่างๆ ซึ่งเราก็สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ไม่ได้เกิดปัญหาอะไร ตอนนี้มีความสงบเรียบร้อยแล้ว
ส่วนการผลักดันประชาชนชาวกัมพูชาที่รุกล้ำดินแดน ทางทหารกับผู้ว่าฯจะร่วมมือกันอย่างไรนั้น แม่ทัพภาคที่1 กล่าวว่า ต้องดูผลการประชุม GBC ซึ่งปัญหาของกองทัพภาคที่1 และกองทัพภาคที่2 คล้ายคลึงกัน แต่มูลเหตุแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นแนวทางแก้ไขปัญหาต้องแตกต่างกัน แต่ทุกอย่างต้องบรรลุผลสำเร็จโดยเฉพาะมูลเหตุปัญหากรณีบ้านหนองจานมันแตกต่างกัน ดังนั้นแนวทางในการแก้ไขปัญหาก็ต้องแตกต่างกัน แต่ทุกอย่างต้องบรรลุผลสำเร็จในสิ่งที่เราต้องการ เพื่อเป็นประโยชน์ของชาติ
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้มาเพียง เพื่อดูแลความมั่นคงเท่านั้นแต่ยังต้องการช่วยเหลือประชาชนในเรื่องสิทธิที่ดินโดยเฉพาะการวัดรังวัดและการออกโฉนดให้กับชาวบ้านบ้านหนองจานเพื่อสร้างความมั่นใจว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินของไทยและชาวบ้านสามารถอยู่อาศัยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า จะมีการรื้อถอนบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ข้อพิพาทหรือไม่ แม่ทัพภาคที่1 กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมย้ำว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนของประเทศไทยอย่างแน่นอน ดังนั้นประชาชนไม่ควรกังวล แต่ควรมั่นใจว่ารัฐบาลและกองทัพจะยืนหยัดเคียงข้างประชาชน และปกป้องสิทธิ์ในที่ดินของไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงพื้นที่ของแม่ทัพภาคที่1 และผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน รวมถึงแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าประเทศไทย พร้อมยืนยันสิทธิ์เหนือดินแดน และจะไม่ปล่อยให้ประชาชนในพื้นที่ต้องเผชิญความไม่มั่นคงเพียงลำพัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี