กทม. สั่งแก้เหตุปลาตายคลองสำเหร่ ปรับผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าฯ -เร่งแก้ไขใน 7 วัน

 นายเจษฎา จันทรประภา ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กล่าวว่า จากกรณีข้อร้องเรียนผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ลักลอบทิ้งน้ำปูนและเศษปูนลงคลองสำเหร่ สำนักการระบายน้ำ (สนน.) ตรวจสอบพบปลาตายในคลอง บริเวณประตูระบายน้ำซอยเจริญนคร 57 ใกล้คอนโดมิเนียมศุภาลัยริเวอร์ ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าจัดเก็บซากปลา และ นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สนน. สำนักการโยธา (สนย.) สำนักงานเขตธนบุรี และผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าฯ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เบื้องต้นคาดว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ปลาตายเกิดจากการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าฯ โดยมีการปิดกั้นคลองสำเหร่บริเวณถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ทำให้คลองถูกตัดขาดเป็นสองช่วง น้ำไม่สามารถไหลเวียนถ่ายเทได้จนเกิดการเน่าเสีย อีกทั้งยังพบการทิ้งดินลงท่อระบายน้ำจนไหลลงคลองทำให้ตื้นเขิน และมีข้อสันนิษฐานว่าสาร “เบนโทไนท์” ที่ใช้ในงานขุดเจาะชั้นดินเพื่อรักษาเสถียรภาพอาจรั่วไหลปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำในปริมาณมากจนส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและอาจเป็นสาเหตุให้ปลาตาย                

สนน. ได้เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบเพื่อวิเคราะห์หาสารปนเปื้อนและที่มาว่าเกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างหรือไม่ พร้อมประสานสำนักงานเขตธนบุรีและสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) ร่วมตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ผู้รับจ้างโครงการฯ แจ้งว่าจะเร่งขุดลอกคลองให้แล้วเสร็จภายใน 3–5 วัน (ในสัปดาห์นี้) และจะแก้ไขปัญหาการปล่อยน้ำทิ้งปนเปื้อนลงคลอง โดย สนน. ได้กำหนดให้ผู้รับจ้างเร่งแก้ไขปัญหาทั้งหมดภายใน 7 วัน หากไม่ปฏิบัติตาม จะประสาน สนย. ในฐานะผู้ออกใบอนุญาตก่อสร้างพิจารณาสั่งหยุดการก่อสร้างไว้ก่อนจนกว่าจะแก้ไขข้อบกพร่องให้เรียบร้อย                 

ทั้งนี้ สำนักงานเขตธนบุรีได้เปรียบเทียบปรับผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ กรณีปล่อยน้ำทิ้งปนเปื้อนลงคลอง ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ใดเท หรือทิ้งสิ่งปฏิกูล มูลฝอย น้ำโสโครก หรือสิ่งอื่นใดลงในทางน้ำ และมาตรา 57 ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท โดยได้มีการเปรียบเทียบปรับเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ตามใบเสร็จเลขที่ 17063/68 ลงวันที่ 2 ก.ย. 68

-037-