"แทนคุณ" ควง "ต้นอ้อ" พาผู้เสียหายเข้ายื่นหนังสือร้องเรียน ผบ.ตร.เพื่อทบทวนมาตรการอายัดบัญชี และจัดการบัญชีม้า โดยสนับสนุนการอายัด ในส่วนที่เป็นเฉพาะยอดเงินโอนของบัญชีต้องสงสัยเป็นบัญชีม้า
วันที่ 15 กันยายน 2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พร้อม ต้นอ้อ ชลิดา พะละมาตย์ ประธาน มูลนิธิเป็นหนึ่ง พาผู้เสียหาย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เพื่อขอให้ทบทวนมาตรการอายัดบัญชีและจัดการบัญชีม้า โดยสนับสนุนการอายัดในส่วน ที่เป็นเฉพาะยอดเงินโอนของบัญชีต้องสงสัยเป็นบัญชีม้า เท่านั้นเพื่อแยกบัญชีของผู้บริสุทธิ์ที่ทำงานโดยซื่อสัตย์สุจริต ไม่ได้รับผลกระทบ
นายแทนคุณ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมาตรการจัดการบัญชีม้าการอายัดบัญชีมี 2 รูปแบบ คือ ระงับชั่วคราว ประชาชนโทรไปที่ 1441 ในกรณีที่มีเหตุต้องสงสัย เช่น อายัดผิดหรือโอนไปแล้วไม่ปกติ ก็โทรไประงับชั่วคราวได้ 3 วัน ซึ่งภายใน 3 วัน ผู้ร้องต้องไปแจ้งความ ซึ่งง่ายเกินไป ทําให้กระทบกับสิทธิของประชาชนเป็นจํานวนมากเพราะคนส่วนใหญ่ก็ใช้การโอนเงินในการทําธุรกรรมเป็นหลัก จึงอยากขอให้ทบทวน มาตรการดังกล่าวซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของหลายหน่วยงานที่มีการร่วมมือกันโดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกลไกที่ผ่านมาทําให้เกิดผลกระทบกับประชาชนเป็นจํานวนมาก โดย ตัวเองสนับสนุนในเรื่องของการปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน แต่อยากให้ปรับเป็นการอายัดเฉพาะยอดของบัญชีที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ยอดเงินที่ไม่เกี่ยวข้องไม่อยากให้ได้รับผลกระทบ แม้ที่ผ่านมาจะสามารถ อายัดเงิน ที่เสียหายได้ มากถึง 9.5 หมื่นล้านบาท ทำให้ผู้เสียหายจำนวนกมาก ได้รับเงินคืนทัน แต่ก็มีบางส่วน ไม่เกี่ยวข้อง ส่วนตัวได้รับร้องเรียนมาจำนวนมาก ว่าโดนหลอกคอลเซนเตอร์ แต่บัญชีเหล่านั้นไม่โดนอายัด จึงอยากขอให้ทบทวน มาตรการดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือ ผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบ และเร่งแก้ไข การอายัดบัญชีม้าของผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง
โดย นางสาวเอ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหาย เป็นเจ้าของร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ตัวเองได้รับผลกระทบจากการถูกอายัดบัญชี โดยบัญชีที่โดนอายัดเป็นบัญชีหลักค่าใช้จ่ายของครอบครัวและเงินทุนหมุนเวียนในร้าน หลักแสน และถูกอายัดบัญชีมานานกว่า 5 เดือนแล้ว ตำรวจมีการยื่นหนังสือถอนให้ตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน จนปัจจุบันพยายามติดตามเรื่อง ทั้งทางธนาคารและตำรวจมาตลอด แต่ก็ยังไม่สามารถใช้เงินในบัญชีของตัวเองได้ ซึ่งสาเหตุที่ถูกอายัดบัญชี ทราบเพียงว่า ลูกค้าเสริมสวย แล้วโอนเงินมา 1,200 บาท แต่ต่อมาบัญชีใช้งานไม่ได้ ซึ่งธนาคารให้โทรไป 1441 เพื่อพูดคุยกับทางตํารวจโดยมีเลขคดีเรียบร้อยแล้ว จะต้องไปทําตามขั้นตอนเพื่อปลดอายัด จากนั้นก็ต้องติดต่อผู้ที่มาแจ้งเพื่อมายืนยันซึ่งการอายัดในครั้งนี้ ลูกค้าแค่โทรแจ้ง 1441 ก็สามารถอายัดได้แล้ว
"ส่วนตัวมองว่าไม่เป็นธรรมกับเราเลย เพราะไม่ใช่เงินทั้งหมด ที่ผิดปกติ ยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อ ครอบครัวมาก แต่กลับได้รับคำตอบจากทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพียงให้ทำตามขั้นตอนและไม่สามารถให้คำยืนยันได้ ว่าระยะเวลาในการดำเนินการจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ ซึ่งหากไม่มีเงินสำรองก็คงจะส่งผลกระทบหนัก เพราะต้องทํามาหากินและเงินใช้ทุกวัน ส่วนตัวยืนยันและมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นบัญชีม้าสามารถตรวจสอบอย่างละเอียดได้ มีเอกสารพร้อมทุกอย่าง แต่ก็ยังไม่ได้มีการมาตรวจสอบ" ผู้เสียหายรายนี้ ระบุ
น.ส.เอ กล่าวต่อว่า ตัวเองโดนอายัดบัญชี เป็นวันเดียวกันกับที่ลูกชายต้องมอบตัวเข้าโรงเรียนแต่เธอกลับไม่มีเงิน เพราะไม่สามารถใช้เงินในบัญชีได้เนื่องจากถูกอายัดจนต้องนําทรัพย์สินส่วนตัวและทองไปขายเพื่อนํามาเป็นค่าใช้จ่ายในการมอบตัวเข้าโรงเรียนให้กับลูก จนถึงตอนนี้ยังต้องขายทองที่เก็บสะสมเอาไว้เพื่อยื้อเวลารอให้บัญชีกลับมาใช้งานได้ ซึ่งการเดินทางมาวันนี้ก็หวังว่าจะเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงที่ส่งไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทบทวนมาตรการหรือ วางแผนในระยะยาวเพื่อ การแก้ไขปัญหา การอายัดบัญชีม้า ไม่ให้ใครต้องมาได้รับผลกระทบแบบครอบครัวของเธออีก
ขณะที่ น.ส.บี (นามสมมติ) กล่าวว่า ตนเองมีอาชีพเป็นไรเดอร์เดินทางมา เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ กรณีที่ถูกอายัดบัญชี เธอบอกเล่าถึงสาเหตุที่ถูกอายัดบัญชีเนื่องจากคนที่รู้จักกัน ซึ่งวิ่งงานไรเดอร์ อยู่ด้วยกันซื้อของให้ลูกค้า โดยเพื่อนอ้างว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีเรามา เป็นเงินของลูกค้าเพื่อน แต่เขาไม่สะดวก จะไปกดเอง จึงฝากให้เธอรับโอนและไปกดเงินดังกล่าวมาให้ โดยคิดค่าจ้างเป็นเที่ยววินรถตามปกติ ไม่ได้เป็นค่าจ้างในการกดเงิน โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้เอะใจเพราะก็เป็นคนคุ้นเคยเห็นหน้า ทํางานด้วยกันมา ซึ่งเงินจํานวนดังกล่าวหลักแสน แต่จําตัวเลขอย่างละเอียดไม่ได้ และหลังจากที่โอนเงินแล้วกดให้กับเพื่อน ผ่านไป 5 เดือนบัญชีเธอจึงถูกอายัด คาดว่าน่าจะมีการตรวจสอบเส้นเงินของคนที่โอนเข้ามาแล้วพบว่ามีการโอนมาที่บัญชีตัวเธอเอง ซึ่งเพื่อนบอกว่าคนที่ฝากรับโอนคือเจ้าของธุรกิจร้านเพชร ซึ่งเจ้าของธุรกิจคนดังกล่าวเขามีเลขบัญชีของเราอยู่แล้วเนื่องจากเคยวิ่งรถซื้อของให้
"สำหรับกรณีของดิฉัน เงินบัญชีดังกล่าวที่โอนมาหลักแสนนั้นเส้นเงินมาจากจังหวัดเชียงใหม่ ทําให้ต้องนําเอกสารทั้งหมดเพื่อไปยืนยันที่จังหวัดเชียงใหม่ ทําให้เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาในการเดินทางและยังเสียเวลาในการประกอบอาชีพอีกด้วย ซึ่งดิฉันต้องนั่งรถทัวร์ไป โดยจากการตรวจสอบก็พบว่าลูกค้าที่โอนเงินมาไปแจ้งอายัดเนื่องจากร้านเพชรดังกล่าวไม่ส่งของให้ ทําให้บัญชีเธอถูกอายัดเงิน และเจ้าของร้านเพชรก็โดนจับไปแล้ว และทราบว่า เจ้าของร้านเพชรดังกล่าวมีพฤติกรรมแบบนี้มานาน ถ้ายอดเงินที่ลูกค้าโอนมาเป็นจํานวนมากและตั้งใจจะไม่ส่งของให้ ก็จะใช้วิธีโอนเข้าบัญชีคนอื่น ตอนนี้กระบวนการทั้งหมดอยู่ในชั้นศาล" น.ส.บี กล่าวและว่า "ขณะนี้เจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องรอให้คดีสิ้นสุด แต่ตัวตนเองไม่สามารถรอได้เพราะมีผลกับการประกอบอาชีพและการใช้ชีวิตไม่สามารถนําเงินออกมาใช้ได้"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี