ผบ.ตร.ดีเดย์ขันนอตตร.ทั่วปท. คืนบช.ผ้บริสุทธิ์ ปลดล็อกบัญชีได้ภายในครึ่งวัน

ผบ.ตร.ดีเดย์ขันนอตตร.ทั่วปท. คืนบช.ผ้บริสุทธิ์ ปลดล็อกบัญชีได้ภายในครึ่งวัน

วันพุธ ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ผบ.ตร.ดีเดย์ขันนอตตร.ทั่วปท.

คืนบช.ผ้บริสุทธิ์

ปลดล็อกบัญชีได้ภายในครึ่งวัน

ยันชาย37ผูกคอตายเสพยา

ไม่เกี่ยวถูกระงับบช.การเงิน

ผบ.ตร.ขันนอตตำรวจ-จนท.ตรวจสอบบัญชีม้า เร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ภายในครึ่งวัน เริ่มวันนี้เป็นวันแรกทันที สกัดมิจฉาชีพอาศัยจังหวะหลอกลวงปชช.มากขึ้น เผยผู้เสียหายอยู่พื้นที่ไหน แจ้งเหตุพื้นที่นั้นได้ทันที ยันไม่ใช่ผลักภาระให้ประชาชน แจง 4 ข้อมูลผู้บริสุทธิ์ต้องใช้แสดงตัวตนโต้กระแสตำรวจเรียกรับเงินแลกปลดล็อกบัญชี ส่วนเหตุชายผูกคอตายพื้นที่ สน.บางเสาธง ไม่เกี่ยวถูกระงับอายัดบัญชี พบมีประวัติเสพยา รอผลสอบอย่างละเอียด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 กันยายน ที่ศูนย์ปฎิการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เรียกประชุมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยว เพื่อช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาความเดือดร้อน กรณีมีประชาชนได้รับผลกระทบ จากการอายัดบัญชีหรือระงับธุรกรรม ทางการเงินที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีผ่านวิดีโอคอลเฟอเรนซ์


พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า เบื้องต้นให้ใช้คำว่าระงับบัญชีเฉพาะก้อนเงินที่พบความเกี่ยวข้องกับบัญชีผู้กระทำผิด ไม่ใช่การอายัดทั้งบัญชี แต่เป็นการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจะให้ผู้บริสุทธิ์ยืนยันหรือแสดงตัวใน 4 ประการคือ 1.ชื่อนามสกุล 2.เลขบัตรประชาชน 3.เลขบัญชีธนาคาร และ 4.ธนาคารที่เจ้าของบัญชีใช้ หากยืนยันและตรวจสอบพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง จะปลดล็อคให้ภายในครึ่งวัน โดยจะเริ่มวันนี้เป็นวันแรก ซึ่งขั้นตอนเมื่อผู้เสียหายอยู่ในพื้นที่ใดก็ตาม สามารถแจ้งเหตุในพื้นที่นั้นๆได้ทันที ซึ่งไม่ใช่การผลักภาระให้ประชาชน เป็นเพียงการยืนยันตัวตน เพื่อความบริสุทธิ์กับทุกฝ่าย

ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า โดยกระบวนการทั้งหมดพนักงานสอบสวนจะเร่งประสานกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ Police Cyber Taskforce (PCT) หน่วยงานที่มีหน้าที่ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศและอาชญากรรมทั่วไป โดยเฉพาะการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์และพนันออนไลน์ ก่อนส่งต่อไปให้ศูนย์ AOC (Anti Online Scam Operation Center)หรือ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เป็นศูนย์ที่รัฐบาลตั้งขึ้น เพื่อช่วยเหลือและปราบปรามปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ โดยให้บริการแบบ One Stop Service ประชาชนสามารถโทรศัพท์ปรึกษาและแจ้งปัญหาได้ที่สายด่วน 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อระงับและอายัดบัญชีของคนร้ายทันที โดยยึดการบริหารงานที่ตำรวจเคยมีประสบการณ์ในคดีใหญ่มาแล้ว ซึ่งกระบวนการทั้งหมดต้องเร็วที่สุด และมาตรการนี้สามารถลดภาระให้ AOC ที่คู่สายปัจจุบันมีไม่เพียงพอรองรับผู้เสียหาย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับไปที่ 191 และ 1559 ให้ช่วยรองรับการแก้ปัญหาให้ผู้เสียหายที่เกิดขึ้นขณะนี้

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวอีกว่า กระบวนการนี้ ยอมรับว่ามีการเรียกร้องจากพนักงานสอบสวนทั่วประเทศในเรื่องของภาระสำนวนที่มากขึ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นการบริหารภายในองค์กร ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องเร่งแก้ปัญหา โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนที่ต้องพบอาชญากรรมรูปแบบที่เปลี่ยนไป ดังนั้นการบริหารต้องเปลี่ยนตามหรือเพิ่มจำนวนพนักงานสอบสวนให้มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว

“ส่วนที่กระแสสังคมเรียกร้องว่ากระบวนการดังกล่าว จะทำให้มิจฉาชีพใช้โอกาสนี้ฟอกตัวหรือสร้างปัญหาให้ประชาชนในหลายรูปแบบนั้น ตำรวจจะนำมาตรการเหล่านี้เข้ามาควบคุม เพื่อปิดกั้นไม่ให้เกิดช่องว่างสำหรับมิจฉาชีพ ซึ่งจากการคัดกรอง 2 วันที่ผ่านมา พบการแจ้งความประมาณ 1,300 คู่สาย ตรวจสอบยืนยันความบริสุทธิ์ได้ 300 สาย ยืนยันไม่ได้ 1,000 สาย ปลดล็อคแล้ว 30 ราย” ผบ.ตร. กล่าว

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าตำรวจเรียกรับผลประโยชน์ในการปลดล็อคบัญชีจากผู้เสียหาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า หากมีหลักฐานให้ส่งข้อมูลมาให้ แล้วจะตรวจสอบว่าการเสียเงินนั้นเป็นไปตามกฎหมายหรือตามข้อบังคับหรือไม่ แต่หากไม่มีกฎหมายรองรับจะดำเนินการอย่างไม่ละเว้น

ส่วนกรณีมีชายวัย 37 ปี ผูกคอตายในพื้นที่ สน.บางเสาธง โดยเพื่อนผู้เสียชีวิตแจ้งเหตุการตาย และให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตได้ปรับทุกข์ระบายความเครียดเรื่องถูกระงับบัญชี ไม่สามารถใช้เงินได้ เนื่องจากบัญชีเกี่ยวโยงกับบัญชีม้านั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า เบื้องต้นรับทราบรายงานจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว ตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตคุยกับเพื่อน แต่ก็อาจเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนได้ ซึ่งตำรวจนครบาลได้สอบสวนพบว่าผู้เสียชีวิตไม่ได้มีเหตุถูกระงับบัญชีแต่อย่างใด ทั้งนี้ ได้สั่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 แล้ว ว่าให้ตรวจสอบเพิ่มเติมรายละเอียดลึกลงไปถึงสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากอะไร พร้อมย้ำว่าการตรวจสอบพบว่าไม่ได้เป็นผู้ที่ถูกระงับบัญชี ผู้เสียชีวิตมีประวัติเสพยาเสพติด โดยจะเรียกเพื่อนผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำ เพื่อดูว่าสิ่งที่ผู้เสียชีวิตปรับทุกข์นั้น มีเรื่องหนี้สินหรือถูกระงับบัญชีจริงเท็จแค่ไหน และให้นครบาลรายงานให้ทราบเร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพบมีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีที่ถูกอายัดแล้วเสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบหรือเยียวยาหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า การเยียวยา จะเกิดจากการที่รับข้อมูลที่ถูกต้องก่อน ถ้าเกิดเหตุจากเรื่องเป็นหนี้สิน ก็ต้องคุยกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่าเกิดจากหนี้สินอะไร สามารถจะมีหน่วยงานอะไรช่วยเหลือได้บ้าง แต่หากสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากเรื่องอื่นต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆไป

อย่างไรก็ตาม ถ้าพบว่าผู้เสียชีวิต เป็นผู้ทำผิดเกี่ยวกับบัญชีม้า ก็ต้องเป็นไปตามกฏหมายวิอาญาว่าผู้ทำผิดเสียชีวิตในเรื่องคดี แต่คิดว่าหากเป็นอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตอาจเกิดความกดดันจากตัวเอง ที่ทำความผิดแล้วไปหลอกลวงเงินคนอื่นจนจบชีวิตตัวเอง ก็ต้องชันสูตรตรวจสอบสาเหตุการตายด้วยกระบวนการ

ถามว่า หากตำรวจพูดกดดันจนทำให้ผู้เสียชีวิตผูกคอตาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า ก็ต้องไปดูข้อเท็จจริงก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เวลา 08.20 น. ร.ต.อ.ณัฐพล. เสรีกุล รอง สว.(สอบสวน) สน.บางเสาธง พนักงานสอบสวนเวรรับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตในบ้านพัก แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพนายสมหวัง อายุ 37 ปี เสียชีวิตผูกคออยู่ในรั้วบ้านที่จอดรถ สอบสวนเบื้องต้นเพื่อนผู้เสียชีวิตให้การว่า ผู้เสียชีวิตได้ปรับทุกข์ ระบายความเครียดเรื่อง บัญชีที่ถูกระงับไม่สามารถใช้เงินได้ ซึ่งเป็นบัญชีที่เกี่ยวโยงกับบัญชีม้าที่ถูกระงับ ต่อมาเวลาประมาณ 24.00 น. ได้แยกย้ายกันพักผ่อน ซึ่ง ผู้เสียชีวิต พักอยู่คนเดียว ต่อมาทราบว่าเสียชีวิต จากตรวจสอบ สอบภายในบ้านที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ไม่มีร่องรอยการรื้อค้นข้าวของ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top