เตือน40จังหวัด
รับมือฝนตกหนัก
เฝ้าระวังน้ำท่วม
กรุงเก่าจมบาดาล
กรมอุตุฯ เตือน 40 จังหวัดฝนถล่ม กทม.และปริมณฑล ฝนตกร้อยละ 70 ด้านกรมชลฯ แจ้งเขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำเพิ่ม 2,000-2,500 ลบ.ม./วินาที ให้พื้นที่ท้ายเขื่อนรับมือน้ำเพิ่มสูง ขณะที่อยุธยา น้ำท่วมแล้ว 6 อำเภอ กระทบ 25,000 ครัวเรือน ส่วน จ.พิจิตร ท่วมแล้ว 12 อำเภอ ผู้ว่าฯ สั่งเร่งให้ความช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 16กันยายน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ทั้งนี้ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และอ่าวไทยตอนบน ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณ จ.ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตรภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ตั้งแต่ จ.ภูเก็ตขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2เมตร ตั้งแต่ จ.กระบี่ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2เมตร กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ด้านกรมชลประทาน ออกประกาศแจ้งเตือนว่าจากอิทธิพลของฝนที่ตกหนักต่อเนื่องบริเวณตอนบนด้านท้ายอ่างเก็บน้ำ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น แม้จะบริหารจัดการด้วยการทดน้ำและนำน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งเต็มศักยภาพแล้วก็ตาม แต่ยังมีน้ำส่วนเกินที่จำเป็นต้องระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) มีมติเห็นชอบให้กรมชลประทานปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,000-2,500 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 40-60 เซนติเมตร และจะมีผลกระทบต่อไป
กรมชลประทาน ระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่ม 2,000-2,500 ลบ.ม./วินาที จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมแล้ว 6 อำเภอ บ้านเรือนกว่า 25,000 ครัวเรือนได้รับผลกระทบใน ต.หัวเวียง อ.เสนา, ต.ลาดชิด และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ รวมถึงพื้นที่แม่น้ำน้อย สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ และคลองบางบาล โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำใน อ.ผักไห่ อ.บางบาล อ.เสนา อ.บางไทร อ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.บางปะอิน ซึ่งถูกน้ำท่วมขังอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว จะปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ต.หัวเวียง อ.เสนา พบว่าที่วัดบันไดช้างน้ำจากแม่น้ำน้อยได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บริเวณลานวัด มีระดับน้ำท่วมสูงราว 60-70 เซนติเมตร บริเวณรอบอุโบสถ โชคดีที่น้ำยังไม่เข้าภายในทำให้องค์พระประธานไม่ได้รับความเสียหาย
ขณะเดียวกัน ศูนย์ปฏิบัติธรรมที่ก่อสร้างในพื้นที่ลุ่มต่ำถูกน้ำท่วมเกือบมิดหลังคา นอกจากนี้ บ้านเรือนประชาชนริมฝั่งแม่น้ำน้อยถูกน้ำท่วมหนัก หลายครัวเรือนต้องใช้เรือในการสัญจรแทนถนน สะพานหัวเสียงที่ข้ามแม่น้ำน้อยระดับน้ำมีความสูงจนเกือบจะถึงตัวคานสะพานโดยกรมชลประทานแจ้งว่า ได้ทยอยเปิดประตูน้ำและท่อลอด ขณะนี้ได้เปิดประตูระบายน้ำ และท่อลอดทั้งหมดบริเวณโดยรอบทุ่งรับน้ำทั้งทุ่งบางบาล และทุ่งป่าโมกแล้ว เช่น ประตูระบายน้ำคลองตานึ่ง เปิดอยู่ระดับ 15 เซนติเมตร ประตูระบายน้ำวัดใบบัว เปิดอยู่ระดับ 10 เซนติเมตร ท่อลอดในทุ่งบางบาล-บ้านแพน ทั้งหมดเปิดระบายน้ำแล้ว
สำหรับจุดสำคัญ ดังนี้ ท่อลอดคลองส่งน้ำ ต.บางชะนี ขณะนี้เปิดอยู่ระดับ 80เซนติเมตร ท่อลอดคลองส่งน้ำ ต.กบเจา ขณะนี้เปิดอยู่ระดับ ประมาณ 1 เมตร ท่อลอดคลองส่งน้ำ ต.น้ำเต้า ขณะนี้เปิดอยู่ระดับ ประมาณ 1 เมตร การระบายน้ำเข้าทุ่งรับน้ำนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องทยอยระบายน้ำเข้าทุ่ง เพื่อที่จะยังคงสามารถควบคุมปริมาณน้ำภายในทุ่งรับน้ำ และไม่ให้กระทบถนนและบ้านเรือนประชาชนภายในทุ่งรับน้ำ
นายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พร้อมคณะตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัย จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ปภ.ได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น ทำให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนริมแม่น้ำบริเวณ อ.เสนา อ.ผักไห่ อ.บางบาล อ.บางไทร อ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.บางปะอิน มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 6 อำเภอ 87 ตำบล 550 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,024 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1ราย
ส่วนโบราณสถานที่สำคัญที่อยู่ติดกับแม่น้ำ เช่น วัดไชยวัฒนาราม วัดกษัตราธิราช ทางกรมศิลปากรได้ติดตั้งแนวบังเกอร์ป้องกันน้ำท่วมพร้อมกับแผนรองรับเอาไว้แล้ว สามารถรองรับสถานการณ์ได้ ส่วนการป้องกันนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ระบบป้องกันของนิคมอุตสาหกรรม ยังมีความมั่นคงแข็งแรง ประตูระบายน้ำต่างๆ พร้อมป้องน้ำเข้าพื้นที่บริเวณโดยรอบมีความแข็งแรง
ที่ จ.พิจิตร วันเดียวกัน น.ส.ธนียา นัยพินิจ ผวจ.พิจิตร กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งเกิดจากฝนตกหนัก น้ำเหนือไหลบ่าท่วมพื้นที่ลุ่มน้ำยม รวมทั้งลุ่มน้ำน่านที่รับน้ำจากเทือกเขาวังทอง และเทือกเขาเพชรบูรณ์ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ทำให้ จ.พิจิตร ถูกน้ำท่วมและประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว 12 อำเภอ 60 ตำบล 336 หมู่บ้าน 4,975 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตร 15,300 ไร่ ถนน 4 สาย บ่อปลา 12 แห่ง มีผู้ประสบเหตุเสียชีวิต 1 ราย
ส่วนความช่วยเหลือราษฎรได้แบ่งการทำงานโดยประสานงานกับ น.ส.สุกัญญา ต้นทุน หัวหน้า สนง.ปภ.จ.พิจิตร และนายอำเภอทั้ง 12 อำเภอซึ่งการช่วยเหลือราษฎรที่ถูกน้ำท่วม จะนำถุงยังชีพ ประกอบด้วยข้าวสารอาหารแห้งน้ำดื่ม ฯลฯ ให้สามารถดำรงชีพได้อย่างน้อย 7 วัน ส่งให้ถึงมือผู้ประสบภัย นอกจากนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ , บริษัทห้างร้าน , มูลนิธิฯ , องค์กรต่างๆ ที่ทำกิจกรรม CSR ได้ร่วมนำถุงยังชีพ ไปแจกจ่ายในพื้นที่ต่างๆ ด้วย ขณะเดียวกัน นพ.วิศิษฏ์ อภิสิทธิ์วิทยา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร ได้ส่งทีมแพทย์ อสม.เข้าดูแลสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
พร้อมกันนั้นได้มอบหมายให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน ประกาศเตือนประชาชนที่จะใช้ถนนหรือเส้นทางที่ถูกน้ำท่วมมีน้ำไหลแรงไม่ควรใช้เส้นทางดังกล่าวช่วงเวลากลางคืน ส่วนเวลากลางวันถ้าจะใช้เส้นทางควรเดินทางไปเป็นกลุ่ม รวมทั้งควรต้องมีเสื้อชูชีพหรืออุปกรณ์ป้องกัน เนื่องจากมีผู้ขับขี่จักรยานยนต์ขับรถฝ่ากระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากจนจมน้ำเสียชีวิตแล้ว 1 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี