หลักฐานโอนเงินชัด
เรียกรับส่วยสัญชาติ
กมธ.ปกครองจี้มท.
ลากคนผิดมารับโทษ

กมธ.ปกครอง สภาฯ เผยพฤติกรรมงาบผลประโยชน์ขอสัญชาติไทย โยงส่วยชายแดน บี้กระทรวงมหาดไทย สอบสวน ลากคอคนผิดมาลงโทษ แนะสั่งย้ายออกนอกพื้นที่ก่อน เปิดทางสอบหาความจริง หนุนงบฯ บุคลากร เทคโนโลยี ช่วยอำนวยความสะดวกประชาชน คุ้มกันพยานถูกขู่ไม่ต่อพาสปอร์ต

เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่รัฐสภา นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังประชุม กมธ.ฯ กรณีการติดตามปัญหาส่วยชายแดน ว่าได้เชิญตัวแทนส่วนราชการจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ให้ข้อมูล พร้อมหยิบยกกรณีการร้องเรียนใน กมธ.ฯ ซึ่งทางจังหวัดยอมรับว่า มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์ในกระบวนการยื่นขอสัญชาติไทยจริง

นายกรวีร์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และรวบรวมหลักฐานจากประชาชนในพื้นที่ ว่ามีผู้กระทำผิดในระดับอำเภอ และต้องลงโทษผู้ที่กระทำผิดให้ได้ เชื่อว่าทำได้ หากหาไม่ได้ กรมการปกครอง จะต้องรับผิดชอบ เพราะมีหลักฐานการโอนเงินที่ชัดเจนกรณีผู้ที่รับเงิน จะต้องมีการกันไว้เป็นพยาน เพื่อรับรองความปลอดภัย หากพบว่าข้าราชการระดับนายอำเภอ มีส่วนเกี่ยวข้อง และหากยังลงโทษทางวินัยหรืออาญาไม่ได้ ก็สามารถลงโทษในทางปกครองก่อน ด้วยการสั่งย้ายออกนอกพื้นที่ ซึ่งสามารถทำได้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการสอบหาข้อเท็จจริง

“ได้ย้ำกับทางจังหวัด และกรมการปกครอง หากพบคนที่ทุจริต ไม่ว่าจะจะเป็นระดับไหน กำนันผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่อำเภอ ทะเบียน หรือนายอำเภอ ขอให้ปฏิบัติในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างจริงจังและเข้มงวด หากมีคนผิด ต้องเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ เพื่อให้เป็นตัวอย่างในกรณีว่าไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจรัฐในการหาผลประโยชน์ของตนเอง” ประธาน กมธ.ฯ กล่าว

นายกรวีร์ กล่าวอีกว่า ขอเน้นย้ำถึงกรมการปกครอง ให้พิจารณาเรื่องงบประมาณ และบุคลากร นำระบบเทคโนโลยี นำไปช่วยอำนวยความสะดวกให้กับอำเภอ อำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการขอสัญชาติ ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายไม่กล้าที่จะแจ้งความดำเนินคดี หรือให้ข้อมูลกับนายอำเภอ เนื่องจากมีการข่มขู่ว่าจะไม่เซ็นต่ออายุพาสปอร์ตถาวรให้ หากเป็นเช่นนั้นจะไม่สามารถทำเรื่องขอสัญชาติได้ แต่การขอสัญชาติกับการต่ออายุพาสปอร์ต เป็นคนละเรื่องกัน ไม่สามารถเอามารวมกันได้ จึงเสนอกรมการปกครอง ว่าถ้าไม่ทันจริงๆ อาจจะต้องขยายในบางพื้นที่ จึงอยากให้กรมการปกครอง เร่งทำหนังสือยื่นมาทางกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)

นายกรวีร์ กล่าวว่า สำหรับการขอสัญชาติจะต้องพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าบุคคลดังกล่าวควรที่จะได้สัญชาติไทยจริงๆ เชื่อว่าเรื่องนี้มีเบาะแส และมีการกระทำผิดจริง ก็ต้องติดตามว่าทางจังหวัดจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทราบว่ากรมการปกครอง มีการส่งเจ้าหน้าที่ส่วนกลางลงพื้นที่ไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ซึ่งตนจะนำข้อมูลของนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม และข้อมูลจาก สส.พรรคประชาชน ที่อยู่ในพื้นที่ รวบรวมส่งให้กับกรมการปกครอง