“นฤมล”เปิดประชุม 245 ผอ.สพท.ทั่วประเทศ เดินหน้าภารกิจเร่งด่วน 4 เดือน “ธนุ” ปลื้มผลใช้งบฯลงทุนปี67 เสี่ยงถูกพับน้อยมากเป็นประวัติการณ์ จ่อทบทวนระบบ TRS หวนใช้ ว.18 ย้ายครู
วันที่ 25 ก.ย.2568 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ( รมว.ศธ.) กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสัมมนาผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) จำนวน 245 แห่ง ทั่วประเทศ ครั้งที่ 1/2568 ว่า ภารกิจเร่งด่วนภายในระยะเวลา 4 เดือนของการเป็นรัฐบาล นั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการที่อยากให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ขับเคลื่อนให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ถึงแม้ในคำแถลงนโยบายรัฐบาลจะไม่ระบุไว้โดยตรง แต่ก็รวมอยู่ในหนี้ภาคประชาชน ซึ่งตนจะแก้ไขให้สำเร็จ โดยขณะนี้การแก้หนี้ครู ด้วยรูปแบบการจัดตั้งสหกรณ์กลาง สกสค.ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของการประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว โดยตนจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบได้ภายในต้นเดือน ต.ค.นี้ รวมถึงการผลักดันกฎหมายการศึกษาแห่งชาติ ให้สำเร็จในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งตนหวังว่ากฎหมายฉบับนี้ จะไม่มีอาถรรพณ์เหมือนทุกๆรัฐบาลที่ผ่านมา
รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า การเพิ่มอัตราค่าครองชีพของครู โดยทำให้ครูมีรายได้เพิ่มขึ้นก็เป็นนโยบายสำคัญ ซึ่งการขึ้นเงินเดือนครู จะเกิดภาระงบประมาณสูง ดังนั้นปลายทางที่สมเหตุสมผล คือ ค่าตอบแทนวิทยฐานะ ซึ่งไม่ได้มีการะบุจำนวนผู้ได้รับวิทยฐานะ จึงอยากให้ ผอ.เขตฯสนับสนุน ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ทำผลงานเพื่อขอมีและเลื่อนวิทฐานะให้มากที่สุด และในสังกัดเขตพื้นที่ฯไหน มีวิทยฐานะหลายคน ก็ควรถือให้เป็น KPI หรือ ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ ของ ผอ.เขตพื้นที่นั้นๆ เช่น เดียวกับมหาวิทยาลัย ที่การขอตำแหน่งทางวิชาการ มีเป็นจำนวนมาก เป็นฟันเฟืองส่งเสริมซึ่งกันและกัน อย่ามีการชักบันไดหนี เราต้องสร้างบันไดให้เยอะ และเป็นความภาคภูมิใจในวิชาชีพ อย่างไรก็ตามตนได้รับเสียงสะท้อนจากครูและผู้บริหาร ว่า การขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ นั้น โดยเฉพาะ ผอ.เขตพื้นที่ฯ ตกกันเยอะแทบจะไม่ผ่านเลย เพราะผู้มาประเมินผลงานไม่ได้เป็นบุคลากรที่ผ่านงานจากสายงานการสอนนั้นๆมาก่อน ดังนั้น ได้ปรับหลักเกณฑ์ให้ผู้ประเมิน มาจากการเสนอชื่อของแต่ละองค์กรหลัก เป็นผู้ที่มีความเข้าใจเนื้องาน เป็นธรรมต่อผู้ขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ อีกทั้งหลักเกณฑ์การประเมินควรมีความยืดหยุ่นสอดคล้องตามบริบทของสถานศึกษา ไม่เน้นงานวิจัยมากจนเกินไป รวมถึงมีการกำหนดหลักเกณฑ์การทำวิทยฐานะในรูปแบบผลงานเชิงประจักษ์กลับมาใช้ใหม่ เพื่อเป็นทางการเลือกให้แก่ผู้ขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ สำหรับเรื่องการลดภาระครู กำลังดำเนินการให้เป็นรูปธรรม โดยเร็วๆนี้ คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) จะประชุมเกลี่ยอัตรากำลังครูเกินเกณฑ์ จำนวน 1,706 ตำแหน่ง ให้ไปเป็นบุคลากรทางการศึกษา ตามมาตรา 38 ค.(2) สายสนับสนุน เพื่อลดภาระครูในส่วนของงานพัสดุ การเงิน ธุรการ และขอย้ำเรื่องการส่งเสริมวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ถ้าเป็นไปได้ควรใส่ไว้ในการสอบเลย
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวสรุปผลการปฏิบัติงานตามนโยบายและจุดเน้นของของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ว่า เมื่อเร็วๆนี้ตนได้เชิญ นายธนู ขวัญเดช เลขาธิการ ก.ค.ศ. และ นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการ กพฐ.คนใหม่ ซึ่งจะมารับหน้าที่แทนตนที่จะเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายนนี้ ให้ชะลอการใช้หลักเกณฑ์การย้าย ประมวลผล และพิจารณาย้ายข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านระบบ TRS (Teacher Rotation System) เพราะพบปัญหาการยื่นย้ายผ่านระบบ TRS ประมาณ 30,000 คน ได้ย้ายแค่หลักร้อยคนเท่านั้น ครูได้รับการพิจารณาย้ายน้อยลง เพราะมีตัวชี้วัด และขั้นตอนจำกัดมาก ไม่ตอบโจทย์การย้ายคืนถิ่น และยังมีปัญหาการการลิดรอนสิทธิ์ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ดังนั้น จึงต้องทบทวนปรับปรุงใหม่ และทดลองใช้ให้ดีที่สุดก่อน โดยการยื่นย้ายในรอบต่อไปให้กลับไปใช้หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู หรือ ว 18 ก่อน ทั้งนี้ จะมีการนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ก.ค.ศ.ต่อไป
“ ขอขอบคุณ ผอ.สพท.ทั่วประเทศ ในการบริหารงบประมาณ ที่เป็นงบลงทุน ปีงบฯ2567 ที่ใช้เหลื่อมปี 2568 เป็นที่น่ายินดีว่า จากการติดตามอย่างเข้มข้นทุกสัปดาห์ ทำให้มีแนวโน้มว่าจะมีงบฯลงทุนที่เสี่ยงถูกพับไม่สามารถเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 ไม่เกิน 10 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าทุกๆปี จากเดิมที่เคยมีงบฯถูกพับสูงถึง 400–500 ล้านบาท เป็นการรักษาผลประโยชน์ให้กับเด็ก สามารถนำงบฯไปใช้ประโยชน์ถึงผู้เรียน ทำให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ สมกับที่ สพฐ.ต่อสู้ได้รับงบฯมา และมีการกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งเรื่องนี้จะนำไปปฏิบัติในปีงบประมาณต่อๆไป ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา เป็นบุคคลสำคัญ เป็นโซ่ข้อกลางในการขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติ สู่เป้าหมาย การทำงานในยุคปัจจุบันทำตามลำพังนั่งอยู่ในห้องทำงานอย่างเดียวไม่ได้ พลังความร่วมมือกับเครือข่ายสำคัญที่สุด ต้องทำร่วมกับผู้ปกครอง ประชาชน นักการเมือง ซึ่ง ผอ.เขตฯต้องทำงานให้มากกว่าการเป็นผอ.เขตพื้นที่การศึกษา ต้องเป็นนักบริหาร นักการเปลี่ยนแปลงให้ได้ ” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี