สปสช.ระดมสมอง ร่างประกาศฯ ยกระดับมาตรฐานบริการ ‘บัตรทอง’

สปสช.ระดมสมอง ร่างประกาศฯ ยกระดับมาตรฐานบริการ ‘บัตรทอง’

วันอังคาร ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

หน่วยบริการภาคี/เครือข่าย “ระบบบัตรทอง” ร่วมสะท้อนความคิดเห็น “”ร่างประกาศฯ มาตรการควบคุม/ส่งเสริมคุณภาพหน่วยบริการบัตรทอง” แนะต้องผสาน 3 มาตรฐานหลัก สถานที่ บริการ และผู้ประกอบวิชาชีพ เน้นประชาชนได้รับบริการมาตรฐาน แต่ต้องไม่ออกมาตรฐานใหม่ที่ซ้ำซ้อน และต้องปฏิบัติได้จริง พร้อมเสนอออกประกาศฯ ควบคุมเฉพาะสำหรับ “หน่วยบริการ มาตรา 3”

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดเวทีอภิปรายและรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข เรื่องมาตรการควบคุมและส่งเสริมคุณภาพหน่วยบริการและเครือข่าย ตามมาตรา 50(3) แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2568 ณ โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น พลัส แวนด้า แกรนด์ กรุงเทพฯ เพื่อนำข้อเสนอไปใช้ยกระดับคุณภาพบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท)


นายบุญเลิศ เตียวสุวรรณ รองผู้อำนวยการกองกฎหมาย สบส. กล่าวว่า ประสิทธิภาพของร่างประกาศจะขึ้นอยู่กับมาตรการที่ผสาน 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1.มาตรฐานสถานที่ 2.มาตรฐานการให้บริการ และ 3.มาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพ เพื่อให้การบริการมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ขอบเขตการควบคุมและการส่งเสริมคุณภาพหน่วยบริการ ต้องดำเนินอย่างสมดุลทั้งสองด้าน ทั้งการบังคับใช้กฎระเบียบ การกำหนดมาตรฐานและบทลงโทษ ควบคู่กับการสนับสนุน สร้างแรงจูงใจ และให้รางวัล เพื่อมุ่งสู่ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

นพ.ประสิทธิ์ชัย มั่งจิตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแก่งคอย จ.สระบุรี ในฐานะตัวแทนชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน กล่าวว่า สปสช. ในฐานะผู้ซื้อบริการสุขภาพควรทำหน้าที่ดูแลให้ประชาชนได้รับบริการที่ได้มาตรฐาน แต่ไม่ควรกำหนดมาตรฐานใหม่ เพราะอาจขัดต่อกฎหมายที่มีอยู่แล้ว เช่น พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 โดยให้ใช้มาตรฐานที่มีอยู่ เพื่อไม่ให้หน่วยบริการในระบบบัตรทองและหน่วยรับส่งต่อเฉพาะทางต้องกังวลกับเกณฑ์ใหม่ที่ สปสช. กำหนด อย่างไรก็ดีในส่วนของการประกาศมาตรการด้านมาตรฐานบริการนี้ มองว่าจะช่วยให้การจัดบริการสอดคล้องกับงบประมาณที่ สปสช. จัดสรร และเกิดประโยชน์กับประชาชน

“ประกาศนี้จะทำให้บริการ Matching กับงบประมาณของ สปสช. รวมถึงควรสอดคล้องกับงบประมาณจากสำนักงานประกันสังคม (สปส.) และแหล่งอื่นที่รัฐจัดสรรด้วย สิ่งที่น่าห่วงคือการตั้งเกณฑ์ใหม่อาจทำให้เกิดความสับสน โดยเฉพาะเรื่องบริการปฐมภูมิที่ต้องกำหนดให้ชัดว่าใครจะรับผิดชอบต่อ และต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณสุขและองค์การบริหารส่วนจังหวัด” นพ.ประสิทธิ์ชัย กล่าว

นพ.สุรจิต สุนทรธรรม ผู้แทนแพทยสภา กล่าวว่า จากร่างประกาศฉบับนี้ เห็นว่า สปสช. อาจกำลังสับสนระหว่าง “มาตรฐาน” กับ “คุณภาพ” ซึ่งเป็นคนละเรื่อง โดยมาตรฐานต้องสามารถวัดผลได้ชัดเจน และใช้เป็นเกณฑ์ควบคุมบริการ ขณะที่คุณภาพไม่สามารถวัดได้ชัดเจน จึงควรเป็นเรื่องการส่งเสริม ไม่ใช่การควบคุม อย่างไรก็ดีหากไม่ทำได้ตามคุณภาพ ไม่ถือว่าผิดและไม่มีโทษ แต่ถ้าไม่ผ่านมาตรฐาน จะนับว่าผิดและถูกลงโทษทางวิชาชีพด้วย เช่น เพิกถอน พักใช้ ภาคทัณฑ์ หรือว่ากล่าวตักเตือนตามความร้ายแรง ดังนั้น ร่างประกาศจะต้องทบทวน โดยแยกให้ชัดระหว่างมาตรฐานกับคุณภาพ เพราะวัตถุประสงค์ของทั้งสองส่วนต้องต่างกัน โดยมาตรฐานต้องกำหนดให้ผู้รับบริการได้รับการรักษาที่จำเป็นและปลอดภัย ส่วนการส่งเสริมคุณภาพ ควรมุ่งเพิ่มความเหมาะสม เช่น การเข้าถึงบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น

รศ.ภญ.สุณี เลิศสินอุดม เลขาธิการสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า ร่างประกาศของ สปสช. ยังมีความคลุมเครือและยากต่อการปฏิบัติจริง จึงควรระบุรายละเอียดให้ชัดเจน ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานของหน่วยบริการ รวมถึงแนวทางการส่งเสริมคุณภาพที่สามารถนำไปใช้ได้จริงและเห็นผลชัดเจนต่อประชาชน ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ อยากให้มีการทำงานร่วมกัน เช่น การสร้างพื้นที่ทดลอง (Sandbox) เพื่อพัฒนาต้นแบบและแนวทางที่หน่วยงานต่าง ๆ สามารถร่วมกำหนดได้ ทำให้ประชาชนได้รับบริการที่มีมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะเข้ารับบริการที่ใด อีกทั้งการกำกับดูแลควรลงรายละเอียดตามแต่ละสภาวิชาชีพ

“สิ่งที่อยากฝากคือ มาตรการไม่ควรเกิดขึ้นหลังพบปัญหา แต่ต้องมีตั้งแต่ต้นก่อนหน่วยบริการเข้าร่วมระบบบัตรทอง และควรถือเป็นบทเรียนว่า สปสช. ต้องเดินควบคู่กับคุณภาพ พร้อมมาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการสูญเสียงบประมาณไปกับงานที่ไม่มีมาตรฐาน” เลขาธิการสภาเภสัชกรรม กล่าว

นายวัลลพ สาลี ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงชีวิตอิสระ (IL) จ.ปทุมธานี ในฐานะตัวแทนหน่วยบริการตามมาตรา 3 กล่าวว่า การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อบริการสำหรับคนพิการในการดำรงชีวิตประจำวัน แม้ร่างประกาศจะมีขอบเขตเนื้อหาที่ค่อนข้างชัดเจน แต่บางส่วนยังคลุมเครือและอาจกระทบต่อการให้บริการ จึงควรเปิดโอกาสให้หน่วยบริการตามมาตรา 3 เข้ามามีส่วนร่วมกำหนดมาตรการ หรืออาจออกประกาศเฉพาะสำหรับกำกับคุณภาพและมาตรฐานของหน่วยบริการประเภทนี้ ซึ่งมีลักษณะต่างจากหน่วยบริการอื่นในระบบบัตรทอง

“หากมีการกำหนดคุณภาพบริการอย่างชัดเจน เชื่อว่าหน่วยบริการ IL ทุกแห่งสามารถปฏิบัติตามได้แน่นอน อีกทั้งอยากให้ สปสช. พัฒนาระบบการจ่ายค่าบริการแก่หน่วยบริการตามมาตรา 3 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาคประชาสังคมและอาจขาดทุนสำรอง เพื่อให้การขับเคลื่อนคุณภาพและมาตรฐานบริการ IL มีประสิทธิภาพมากขึ้น” ผอ.ศูนย์ดำรงชีวิตอิสระ  กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top