ซุบซิบกทม:30 กันยายน 2568

ซุบซิบกทม:30 กันยายน 2568

วันอังคาร ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ซุบซิบกทม.

ประชาชนชาวเขตบางนาบอกขอบคุณ กทม.ที่สามารถระบายน้ำท่วมขังออกได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพราะช่วงที่มีฝนหนักและเกิดน้ำท่วมทันทีนั้น ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั้งผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนทั่วไปอย่างมาก ที่สำคัญก็คิดว่าการท่วมขังของน้ำคงต้องใช้เวลาระบายยาวนานแน่นอน เพราะปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในวันนั้นค่อนข้างมาก แต่เอาเข้าจริง กทม.ก็ระบายน้ำออกได้รวดเร็วเกินคาด...คงต้องยอมรับว่าเสียดาย ผอ.เขตหลายคนที่ทำงานดีเข้าใจปัญหาสังคมที่เกษียณอายุราชการไป ทั้งๆหน้าตาสรีระร่างกายไม่ได้ชราไปตามวัยเท่าไหร่นักเลย  ทว่าในเมื่อบ้านเมืองยังใช้กฎหมายเดิมๆ คือ กำหนดเกษียณอายุราชการ 60 ปี ถูกขีดถูกเขียนถูกบังคับให้เป็นไปตามนี้ และไม่มีคนการเมืองหน้าไหนชีวิตใดคิดอ่านแก้ไขในสภาฯให้ทันยุคทันเหตุการณ์ตามความเจริญ หรือพัฒนาการของสุขภาพอนามัยที่ล้ำหน้า จึงส่งผลให้คนเป็นข้าราชการทั้งไร้ความสามารถและมีความสามารถต้องเดินไปตามกติกาดังกล่าวชนิดปฎิเสธไม่ได้...สิ่งที่น่าเสียดายนอกจากมันสมองความรู้ความสามารถของข้าราชการกลุ่มนี้หลายคนที่ต้องเกษียณไปทั้งๆยังมีไฟทำงานพร้อมๆประสิทธิภาพอีกยาวนานหลายปี เงินบำเหน็จหรือเงินบำนาญก็ต้องจ่ายไปตลอดเหมือนสูญเปล่า เพราะข้าราชการอายุ 60 ปี ชราหรือแก่ไปเฉพาะอายุเท่านั้น ส่วนสมองความรู้ความสามารถหลายคนไม่ได้เสื่อมถอยไปเลย...วันนี้สังคมข่าวลวง ข่าวเท็จ ข่าวปล่อย ที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเรียกว่า“ปัญญาประดิษฐ์” ถูกนำมาใช้ออกสื่อกันเพียบ นับว่าหลายเรื่องมีผลกระทบถึงความมั่นของสังคมประเทศชาติสาหัสยิ่งทีเดียว เช่น การใส่ร้ายปั้นน้ำเป็นตัวโจมตีกัน สร้างภาพสร้างฉากสร้างสถานการณ์เหมือนเรื่องจริงของจริง จิกด่าแฉโพยเปิดแผลกันบ้าคลั่ง จนผู้คนที่มองข่าวสารมิติเดียวคล้อยตามและเชื่อจนเกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้น เรื่องจริงไม่ว่าแต่เรื่องอุปโลกน์ฆ่ากันด้วยการใช้เทคโนโลยีปรุงแต่ง นับว่าอันตรายร้ายแรงยิ่งนัก  ซึ่งวันนี้มีการใช้กันแพร่หลายอันยากที่จะป้องกันแก้ไข ดังนั้นหน่วยงานรับผิดชอบต้องตรวจสอบให้ละเอียด เพราะชาวบ้านตาสี ตาสา ยายมี ยายมา จะเชื่อตามบทกลอนที่ถูกเขียนขึ้น...เรื่องต่อมาที่กำลังกลายเป็นฝันร้ายของชาวพุทธ คือ การขุดคุยแฉโพยเงินวัดที่ถูกใช้ถูกครอบครองอย่างผิดๆชนิดเกิดขึ้นมารายวัน ทำให้เสื่อมเสียวงการสงฆ์เหลือหลาย ที่จริงเงินวัดเป็นเงินที่ประชาชนคนศรัทธาพระพุทธศาสนาร่วมกันบริจาคเพื่อก่อสร้างซ่อมแซม สิ่งปรักหักพังทางศาสนา หรือตั้งไว้เป็นกองทุนทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาโดยมีไวยาวัชกรวัดร่วมรับผิดชอบ แต่ที่มีปัญหาก็เกิดจากสงฆ์บางรูปหรือเจ้าอาวาสบางรูปเล่นแร่แปรธาตุใช้ไปในทางที่ผิดๆ ชนิดลำพองตนเพราะมีกิเลส ...ที่จริงเรื่องพรรค์อย่างนี้มีกันทุกศาสนา ทว่าไม่มีใคร”มันปากมันมือมันสมอง“วิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้เพราะกฎเกณฑ์ระเบียบของศาสนาพุทธนั้นเคร่งครัดเรื่องพระธรรมวินัย อันถือเป็นการปฏิบัติได้ยากยิ่งสำหรับสงฆ์ที่ตัดความโลภ โกรธ หลง ไม่ได้ จึงมักต้องเป็นเป้าสายตาของกลุ่มประสงฆ์ร้ายต่อศาสนาหยิบมาทำลาย...การกลั่นกรองเอาภิกษุทุศีลหรืออลัชชีออกไป ถือเป็นเรื่องดี แต่การกลั่นกรองที่ถูกต้องก็ต้องใช้กฎของสงฆ์ทำงานบังคับ เมื่อกฎของสงฆ์บังคับลงโทษถึงขั้นจับสึกแล้ว (ถ้าผิดทางอาญา) กฎทางโลก(กฎหมายบ้านเมือง)ก็เข้าจัดการภายหลัง ซึ่งทุกศาสนาควรต้องเป็นแบบนี้ ดังนั้นจงอย่ามองมิติเดียวว่าศาสนาอื่นสมบูรณ์ดีไร้ข้อติติง ทุกศาสนาต่างระดมทุนสร้างนั้นสร้างนี้กันทั้งสิ้น และอาจมีสิ่งไม่ถูกต้องซ่อนอยู่ตรงนั้น แต่ที่ไม่“แดงเน่า”ออกมาเพราะไม่มีใครเข้าตรวจสอบเท่านั้นเอง ตรวจสอบได้แต่อย่าถึงขั้นทำลายศาสนา โดยเฉพาะชาวพุทธด้วยกันควรรู้จักคำว่า“นรก” เช่น ส.ส.ทุเรศในสภาฯบางคนเป็นต้น...

ไผ่ฎำ

036


โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top