มหาวิทยาลัยนครพนม จัดพิธีเปิดโครงการมหาวิทยาลัยนครพนมสืบสานประเพณีไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 และ ปล่อยเรือไฟโชว์ลำแรก ในงานมหกรรมไหลเรือไฟโลก จ.นครพนม ประจำปี 2568 โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธวัชชัย ศุภดิษฐ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม เป็นประธานในพิธี ณ ซุ้มวิถีคนเรือไฟ เทศบาลเมืองนครพนม และมหาวิทยาลัยนครพนม (บริเวณหน้าโรงเรียนสุนทรวิจิตร) ริมฝั่งแม่น้ำโขง จ.นครพนม
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธวัชชัย กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่มหา’ลัยได้นำศักยภาพของบุคลากรเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีไหลเรือไฟ ซึ่งเป็น Soft Power สำคัญขอ งจ.นครพนม ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างชื่อเสียงสู่ระดับสากล พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมสนับสนุนให้การจัดสร้าง “เรือไฟโชว์มหาวิทยาลัยนครพนม” สำเร็จตามแผนงานที่กำหนด
สำหรับ เรือไฟมหาวิทยาลัยนครพนม ประจำปี 2568 ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างวิจิตรตระการตา มีความยาวทั้งสิ้น 52 เมตร และสูง 15 เมตร ประดับประดาด้วยดวงประทีปหรือตะเกียงไฟมากถึง 5,999 ดวง ส่องแสงเจิดจ้าเปล่งประกายดุจแสงศรัทธา ท่ามกลางสายน้ำโขงยามราตรี
การออกแบบเรือไฟครั้งนี้เกิดจาก แนวคิดของ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธวัชชัย ศุภดิษฐ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม ผู้เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการกำหนดทิศทางและสื่อความหมายของลวดลายให้สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของจังหวัดนครพนม ตลอดจนความผูกพันระหว่างมหาวิทยาลัยกับสังคม โดยมี นายพนิต แพงดี (นิก) ช่างศิลป์นครพนม ศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะพื้นถิ่น เป็นผู้ออกแบบและถ่ายทอดแนวคิดดังกล่าวอย่างประณีตลงบนเรือไฟ
ลวดลายเรือไฟปีนี้เน้นการสื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง ตัวเรือจำลองเป็น เรือสุพรรณหงส์ อันงดงามโอ่อ่า ภายในประกอบด้วยสัญลักษณ์อันทรงคุณค่าหลากหลาย ได้แก่ พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และ พระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประดิษฐานอย่างสง่างาม โดยมี องค์พระธาตุพนม ส่องรัศมีแห่งศรัทธาอยู่ระหว่างกลาง แสดงถึงความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วสารทิศ มีพญาศรีสัตตนาคราช สัญลักษณ์แห่งพลังศรัทธา ความเชื่อ และการคุ้มครองของชุมชนสองฝั่งแม่น้ำโขง ภาพหอประชุมวชิรบพิตร มหาวิทยาลัยนครพนม อันเป็นสิ่งปลูกสร้างสำคัญที่ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความหมายว่า “หอประชุมที่สร้างขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นพระบรมราชบพิตร” อันเป็นเกียรติยศสูงสุดของมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ ยังปรากฏสัญลักษณ์ต่างๆ ที่สื่อถึงมหาวิทยาลัยนครพนม พร้อมข้อความ “มหาวิทยาลัยนครพนม” ประดับเด่นบริเวณด้านล่างของตัวเรือ และตัวอักษร “20th NPU” ที่สื่อถึงการเฉลิมฉลอง ครบรอบ 20 ปีแห่งการสถาปนามหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 เสริมด้วยซุ้มประตูสี่ทิศ (เส้นตรงปลายแหลม 5 เส้น) ดัดแปลงจากส่วนหนึ่งของตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัย แทนความหมาย “ประตูแห่งการศึกษา” ทั้งสี่ทิศที่เปิดโอกาสให้บุคคลเข้ามาแสวงหาองค์ความรู้
บริเวณท้ายเรือยังประดับตราสัญลักษณ์ของ หอการค้าจังหวัดนครพนม, บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM), เทศบาลเมืองนครพนม และ AIS ผู้สนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้
นอกจากความตระการตาของเรือไฟแล้ว กิจกรรมในค่ำคืนเปิดงาน ยังเต็มไปด้วยความครื้นเครง โดยมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมจาก คณะกลองยาวบ้านดงติ้ว และการแสดงชุด “ชมพูทวีป” จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม มอบความสนุกสนานแก่ผู้ร่วมงาน ขณะเดียวกันยังมีการเชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วม จุดตะเกียงไฟของเรือไฟโชว์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองประเพณีอันทรงคุณค่านี้อีกด้วย
ทั้งนี้ เรือไฟมหาวิทยาลัยนครพนม จะจัดแสดงโชว์ไหลเป็นเวลา 6 วัน 6 คืน ได้แก่ วันที่ 27, 29 กันยายน และ 2, 4, 6, 8 ตุลาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป นอกจากนี้ บริเวณ ซุ้มวิถีคนเรือไฟ ยังมีการแสดงดนตรีและศิลปวัฒนธรรมจากนักศึกษาและบุคลากรมหาวิทยาลัยนครพนม ร่วมกับเทศบาลเมืองนครพนม ตลอด 12 วัน 12 คืน เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ประเพณีไหลเรือไฟอย่างเต็มอิ่ม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี