ทั่วไทยฝนฉ่ำ
กทม.ร้อยละ60
หนองบัวฯอ่วม
ท่วมนาหมื่นไร่
กรมอุตุฯ เตือน 10 จังหวัด ฝนตกหนัก ส่วน กทม.และปริมณฑล ฝนร้อยละ 60 ขณะที่ จ.หนองบัวลำภู พื้นที่เกษตร เสียหายนับหมื่นไร่ ด้าน จ.อุตรดิตถ์ น้ำท่วมหนักหลายอำเภอ เร่งช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย และตาก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร และพิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา และบุรีรัมย์ ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี ส่วน กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.ระยอง จันทบุรี และตราด ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ระนอง และพังงา ตั้งแต่ จ.พังงา ขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.ภูเก็ต ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร
ที่ จ.หนองบัวลำภู ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศศิน พัฒนภิรมย์ รอง ผวจ.หนองบัวลำภู พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนใน อ.โนนสัง ที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุบัวลอย โดยพบว่ามีพื้นที่เสียหาย 10 ตำบล 87 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบ 1,090 ครัวเรือน แยกเป็นบ้านเรือน 18 หลัง วัด 1 แห่ง คอกสัตว์ 3 แห่ง นาข้าว 7,058 ไร่ พืชสวน 820 ไร่ พืชไร่ 10 ไร่ บ่อปลา 20 บ่อ โค 6 ตัว เป็ด/ไก่ 100 ตัว ถนน 17 สาย และสะพาน 1 แห่ง เบื้องต้นได้นำถุงยังชีพมอบประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในบางส่วนแล้ว
นอกจากนี้ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างถนน เส้นทางระหว่าง ต.กุดดู่-อ.โนนสัง ซึ่งยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ พบว่าผิวถนนที่ยังไม่แข็งแรง ถูกกระแสน้ำที่ท่วมสูงและไหลเชี่ยวกัดเซาะจนได้รับความเสียหาย ประกอบกับมีรถบรรทุกหนัก สัญจรผ่าน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตราย เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทางรอง ผวจ.หนองบัวลำภู จึงประสานทางหลวง จ.หนองบัวลำภู ปิดการจราจรเส้นทางดังกล่าวชั่วคราว โดยให้ประชาชนเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน
ด้านนายรวี เล็กอุทัย สส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากอิทธิพลของพายุบัวลอย ส่งผลกระทบกับพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ หลายอำเภอมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำคลองตรอน ล้นสปิลเวย์ เข้าท่วมหลายพื้นที่ ขณะนี้มี 3 อำเภอ ที่ได้รับผลกระทบแล้ว ได้แก่ อ.ทองแสนขัน 2 ตำบล 8 หมู่บ้าน อ.น้ำปาด 2 ตำบล 5 หมู่บ้าน และ อ.ท่าปลา 1 ตำบล 5 หมู่บ้าน โดยเฉพาะ อ.ทองแสนขัน มวลน้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่เขตเศรษฐกิจ ระดับน้ำสูงราว 1.5-2 เมตร ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย
นายรวี กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เร่งประสานหน่วยงานต่างๆ ให้เข้าช่วยเหลือประชาชน พร้อมลงพื้นที่ช่วยเหลือในเบื้องต้น เนื่องจากมวลน้ำมหาศาลทำให้หลายพื้นที่เกิดน้ำป่าไหลหลาก บ้านเรือนถูกน้ำท่วมิดถึงชั้น 2 รถยนต์ จักรยานยนต์ จำนวนมาก รวมถึงเครื่องมือทางการเกษตร จม้ำเสียหายทั้งหมดเพราะประชาชนเคลื่อนย้ายไม่ทัน ชาวบ้านบางพื้นที่ต้องขึ้นไปอาศัยบนหลังคา เป็นภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากน้ำไม่เคยท่วมหนักขนาดนี้
ส่วนที่ จ.แม่ฮ่องสอน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเกิดฝนตกต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.สบเมย อ.แม่ลาน้อย และ อ.แม่สะเรียง ส่งผลให้แม่น้ำยวม มีระดับน้ำเพิ่มสูง น้ำเอ่อล้นลำห้วยสาขา เข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร 3 ตำบล 8 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบเบื้องต้น 62 ครัวเรือน รวม 186 ราย โดยนายคำผัน โมกไธสง นายอำเภอสบเมย ได้นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ร่วมกับทหารพราน ที่ 3605 ตำรวจ สภ.สบเมย และเจ้าหน้าที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 เข้าช่วยเหลือประชาชนในการขนย้ายออกจากพื้นที่น้ำท่วม และช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ในกระท่อมกลางน้ำ พร้อมสั่งการให้ทุกภาคส่วนในท้องถิ่น เร่งสำรวจความเสียหายและเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ ที่บริเวณหลังโรงฆ่าสัตว์ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นางนก พนักงานจ้างเหมาบริการ กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาล ต.แม่สะเรียง เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ส่วนประชาชนต่างยังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาระบบประปาที่เสียหาย แม้ว่าเจ้าหน้าที่การประปาฯ จะเร่งแก้ไขและติดตั้งเครื่องสูบน้ำใหม่ เพื่อจ่ายน้ำให้ประชาชน แต่ก็พบอุปสรรคจากโคลนที่ไหลมาอุดตันท่อสูบน้ำ ทำให้การแก้ไขปัญหาล่าช้า จึงยังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำประปา สำหรับการอุปโภคและบริโภค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี