'รร.เจี้ยไช้'ราชบุรี จับมือ พว. พลิกประวัติศาสตร์การศึกษาไทย

'รร.เจี้ยไช้'ราชบุรี จับมือ พว. พลิกประวัติศาสตร์การศึกษาไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 18.19 น.

ประเทศไทยกำลังเผชิญ “วิกฤตการศึกษา” ที่ยืดเยื้อมานาน เด็กไทยเรียนหนัก แต่ยังถูกจัดอันดับ “คิดวิเคราะห์ไม่เป็น” อยู่ท้ายตารางโลก ครูถูกบังคับให้สอน  เพื่อสอบ ผู้เรียนกลายเป็นเหยื่อของตำราและข้อสอบซ้ำซาก ในขณะที่ประเทศคู่แข่งในภูมิภาคเร่งพัฒนาไปข้างหน้าไม่หยุด            

แต่ท่ามกลางภาพสิ้นหวังนั้น… กลับมีโรงเรียนเอกชนการกุศลเล็กๆ ในจังหวัดราชบุรี ที่ลุกขึ้นมาเป็นหมุดหมายทางประวัติศาสตร์ของการศึกษาไทย นั่นคือ โรงเรียนสอนภาษาจีน เจี้ยไช้


โดยเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมโรงเรียนเจี้ยไช้ ได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่างโรงเรียนเจี้ยไช้ กับสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) โดยมี นายมาโนชญ์ อรรฆภัทรโฆษิต ผอ.โรงเรียนเจี้ยไช้ และ ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ ประธานกรรมการบริหาร พว. ร่วมลงนามอย่างเป็นทางการ ข้อตกลงนี้ไม่ใช่แค่เอกสาร แต่คือ คำประกาศว่าจะปฏิวัติการเรียนรู้ในห้องเรียน ด้วยเครื่องมือที่ชื่อว่า Active Learning GPAS 5 Steps 

ผอ.มาโนชญ์ อรรฆภัทรโฆษิต กล่าวในพิธีลงนามว่า “เจี้ยไช้เป็นโรงเรียนการกุศลที่ไม่เก็บค่าเล่าเรียน แต่เราไม่หยุดเพียงการให้โอกาส เราจะสร้างเด็กที่เก่ง ดี และเป็นนวัตกรแห่งศตวรรษที่ 21 ผ่านการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับโลกจริง”

เขาชี้ชัดว่า โรงเรียนจะไม่ปล่อยให้เด็กเป็นเพียงผู้ท่องจำ แต่จะออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้เด็กลงมือทำจริง เช่น โครงงาน การวิจัยย่อย หรือการเรียนรู้จากสถานการณ์จริง (Experiential Learning) ควบคู่กับการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และการกำกับตนเอง

ด้าน ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ MOU ธรรมดา แต่คือการปลุกการศึกษาไทยที่กำลังหลับใหล เจี้ยไช้พิสูจน์ว่า แม้จะเป็นโรงเรียนการกุศลเล็กๆ ก็สามารถเป็นต้นแบบ Active Learning ได้จริง พว.พร้อมสนับสนุนทุกมิติ ทั้งครู บุคลากร และกระบวนการเรียนรู้ เพื่อทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริง”

หัวใจของความร่วมมือครั้งนี้ คือ กระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ซึ่งถูกนำมาเป็นกลไกหลักในการออกแบบการเรียนรู้

1. Gathering – การรวบรวมข้อมูล ผู้เรียนไม่เริ่มจากการท่องจำ แต่ฝึกค้นคว้า รวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งจากห้องเรียน โลกออนไลน์ หรือชีวิตจริง

2. Processing – การคิดวิเคราะห์เด็กจะถูกฝึกให้คัดกรอง แยกแยะ และเชื่อมโยงข้อมูล ไม่ใช่แค่จำ แต่เข้าใจแก่นของปัญหา และสรุปความรู้ ความคิดรวบยอด

3. Applying and Constructing the Knowledge – การประยุกต์ใช้และสร้างองค์ความรู้กับคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม สรุปเป็นองค์ความรู้โดยหลอมรวมความคิดรวบยอดผู้เรียนต้องนำสิ่งที่เข้าใจไปใช้จริง หรือสร้างเป็นองค์ความรู้ใหม่ ผ่านชิ้นงานหรือโครงงาน

4. Applying the Communication Skill – การนำองค์ความรู้และผลผลิตมาสื่อสารและนำเสนอ เด็กไม่เพียงทำได้ แต่ต้องสื่อสารความคิดอย่างมีประสิทธิภาพ ฝึกการนำเสนอ การเขียนรายงาน หรือการทำสื่อสารสร้างสรรค์

5. Self-Regulating – การกำกับตนเองขั้นตอนสูงสุด คือการที่เด็กฝึกกำกับการเรียนรู้ของตัวเอง คิดทบทวนการคิดของตัวเอง (Metacognition) — ซึ่งเป็นรากฐานของการเรียนรู้ตลอดชีวิต

สิ่งที่เจี้ยไช้กำลังทำ ไม่เพียงสร้างเด็กให้เก่งขึ้น แต่ยังสะท้อนความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทยทั้งระบบ แล้วทำไมโรงเรียนรัฐที่มีงบประมาณมหาศาลถึงยังจมอยู่กับการสอนท่องจำ? 

ทั้งนี้ เจี้ยไช้เน้น Active Learning แต่โรงเรียนส่วนใหญ่ยังติดกับการสอนบรรยายหน้าเดียวที่เด็กนั่งฟังและจำ เด็กเจี้ยไช้ฝึกคิด วิเคราะห์ สร้างนวัตกรรม ในขณะที่เด็กส่วนใหญ่ยังถูกบังคับให้ก้มหน้าท่องสูตรและติวสอบ O-NET

นี่คือการตบหน้าระบบเก่าอย่างจัง และตั้งคำถามแรง ๆ ต่อสังคม : เราจะยอมปล่อยให้อนาคตของเด็กไทยทั้งประเทศถูกล็อกไว้กับข้อสอบไปอีกนานแค่ไหน? 

ความร่วมมือครั้งนี้มีกรอบเวลา 3 ปี (2568-2570) แต่สิ่งที่จะตามมาอาจยาวนานกว่านั้น เพราะนี่คือการพิสูจน์ว่า การปฏิรูปการศึกษาไม่จำเป็นต้องเริ่มจากกระทรวง หากแต่เริ่มได้จากโรงเรียนเล็กๆ ที่มีหัวใจใหญ่พอจะฝันและลงมือทำ

เจี้ยไช้จึงไม่ใช่เพียงโรงเรียนการกุศลที่สอนภาษาจีนฟรี แต่คือ ห้องทดลองการปฏิรูปการศึกษาของไทย คือประกายไฟเล็กๆ ที่กำลังลุกโชนเพื่อเผาระบบเก่าที่ล้าหลัง และคือความหวังใหม่ที่บอกกับสังคมว่า “เด็กไทยคิดเป็นได้ ถ้าเรากล้าเปลี่ยนวิธีสอน”

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top