ด่วน!!! ศาลให้ประกันตัว'ปารีณา ไกรคุปต์' ยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาท คดีบุกรุกป่า

ด่วน!!! ศาลให้ประกันตัว'ปารีณา ไกรคุปต์' ยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาท คดีบุกรุกป่า

วันจันทร์ ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 13.42 น.

ศาลจังหวัดราชบุรี สั่งจำคุก 4 ปี 1 เดือน ไม่รอลงอาญา "ปารีณา" อดีต สส.คนดังยึดครองที่ป่า  ปรับอีก 6 หมื่น ก่อนศาลอนุญาตให้ประกันตัว 1 ล้าน

วันที่ 6 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น.ที่ศาลจังหวัดราชบุรี วันที่ 6 ตุลาคม ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการจังหวัดราชบุรีเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัทปารีณา ไกรคุปต์ ทจำกัดและ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เป็นจำเลยที่ 1 -2 ในความผิดต่อพ.ร.บ.ป่าสงวน ฯ,พ.ร.บ.ป่าไม้ฯตามประมวลกฎหมายที่ดิน และพ.ร.บ.น้ำบาดาล ฯ


โจทก์ฟ้องสรุปความผิดว่าระหว่างปี 2555 ถึง 24 พฤศจิกายน 2565 ต่อเนื่องกันจำเลยทั้งสองร่วมกันบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (ป่าเขาสน) ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แล้วร่วมกันก่อสร้างแผ้วถางป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติจำนวน 4 แปลง แปลงที่ 1 เนื้อที่ 387 ไร่ 80 ตารางวา, แปลงที่ 2 เนื้อที่ 207 ไร่ 2 งาน 41 ตารางวา, แปลงที่ 3 เนื้อที่ 70 ไร่ 2 งาน 32 ตารางวา และแปลงที่ 4 เนื้อที่ 15 ไร่ 3 งาน 84 ตารางวา รวมที่ดินเนื้อที่ 681 ไร่ 1 งาน 37 ตารางวา เพื่อประโยชน์ของจำเลยทั้งสอง ในการปลูกสร้างโรงเรือน เลี้ยงไก่ สร้างบ้านพัก ปักเสาไฟ สร้างแทงค์น้ำ และขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ เป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ เป็นเหตุให้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติได้รับความเสียหายโดยจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำเป็นเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ และไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือได้รับการยกเว้นใดๆ คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐรวม 35,369,459.10 บาท 

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหาร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ 

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้ที่ดินที่เกิดเหตุมิได้เป็นป่าโดยสภาพเนื่องจากมีบุคคลเข้ายึดถือครอบครองทำประโยชน์ก่อนที่จำเลยทั้งสองจะเข้ามาครอบครองเป็นระยะเวลานานแล้ว และไม่เคยมีเจ้าหน้าที่รัฐโต้แย้งการที่มีบุคคลเข้ายึดถือครอบครองที่ดินที่เกิดเหตุ และไม่เคยมีหน่วยงานราชการใดแจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบว่า ที่ดินที่เกิดเหตุเป็นป่า จำเลยที่ 2 จึงไม่ทราบว่าการครอบครองที่ดินที่เกิดเหตุเป็นความผิดก็ตาม แต่จำเลยทั้งสองย่อมทราบดีว่าที่ดินที่เกิดเหตุยังเป็นที่ดินที่ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของหรือได้ใช้สิทธิใดๆตามกฎหมายที่ดิน เนื่องจากจำเลยที่ 2 เพียงแต่เป็นผู้มีชื่อครอบครองที่ดินที่เกิดเหตุ ในแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท. 5) รวม 29 แปลง ประกอบกับในช่วงที่จำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำเลยที่ 2 ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่า เป็นผู้ครอบครองที่ดินที่เกิดเหตุตามแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) รวม 29 แปลงซึ่งแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีดังกล่าวมิใช่เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินและมิใช่ใบอนุญาตให้ครอบครองที่ป่าหรือที่ดินของรัฐ ดังนั้นจำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ย่อมทราบดีว่าที่ดินที่เกิดเหตุทั้ง 4 แปลงเป็นที่ดินที่ยังไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของหรือได้สิทธิใดๆ ตามกฎหมายที่ดิน ที่ดินพิพาทจึงยังคงเป็นป่าตามคำนิยามของกฎหมายที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 (1) แห่งพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 

ดังนั้นการที่จำเลยทั้งสองยึดถือครอบครองที่ดินที่เกิดเหตุทั้ง 4 แปลงจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันยึดถือครอบครองป่าเพื่อตัวเองหรือผู้อื่นเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และฐานร่วมกันยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน 

พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานร่วมกันยึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 100,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 8 ปี ฐานร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาลในเขตน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 20,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 เดือนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพฐานร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาลในเขตน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต 

ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงลงโทษ ฐานร่วมกันยึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตคงปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 50,000 บาทและจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 ปี ฐานร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาลในเขตน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาตคงปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 10,000 บาทและจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 เดือน รวมปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 60,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 4 ปี 1 เดือน ริบของกลาง ให้จำเลยทั้งสอง คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยทั้งสองออกจากป่าและที่ดินของรัฐที่เกิดเหตุ ให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำบาดาล อุดและกลบหลุมบ่อน้ำบาดาล 

ต่อมาทนายความของน.ส.ปารีณา จำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอปล่อยชั่วคราว

ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 ประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน1 ล้านบาท

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ด่วน!!! ศาลจำคุก'ปารีณา ไกรคุปต์' 4 ปี 1 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีบุกรุกป่าราชบุรี

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top