คาดฝีมือBRN ปล้นทอง600บ. มทภ.4ประณาม

คาดฝีมือBRN ปล้นทอง600บ. มทภ.4ประณาม

วันอังคาร ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

คาดฝีมือBRN

ปล้นทอง600บ.

มทภ.4ประณาม

เร่งล่าตัวคนร้าย

เจ้าหน้าที่คาดฝีมือ BRN ก่อเหตุปล้นทอง 600 บาท จากร้านทองในห้างดัง จ.นราธิวาส เผ่นหนี เร่งสืบสวนติดตาม คาดเตรียมออกไปประเทศเพื่อนบ้าน สั่งตั้งด่านสกัดเข้ม ด้าน มทภ.4 ประณามผู้ก่อเหตุ

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีอุกฉกรรจ์คนร้ายบุกปล้นร้านทอง ภายในห้างบิ๊กซี สาขาสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เร่งสืบสวนติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างอุกอาจในครั้งนี้แล้ว หลังจากพบว่ารถกระบะที่ใช้หลบหนี เป็นรถที่ถูกปล้นมาก่อนหน้านี้ในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี


ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อเวลา 17.20 น.วันเกิดเหตุ กลุ่มคนร้ายแต่งกายชุดดำ พร้อมอาวุธครบมือ บุกปล้นรถกระบะ 2 คัน ภายในบ้านพักใน อ.สุไหงปาดี ก่อนจะนำรถไปใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุปล้นร้านทองในเวลาต่อมา โดยรถทั้งสองคัน ประกอบด้วย รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมกซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กค 6521 นราธิวาส และยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน บท 7187 ปัตตานี เบื้องต้นเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 10 คน แยกออกเป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มปล้นรถ กลุ่มปล้นทอง และกลุ่มโรยตะปูเรือใบ พร้อมวางระเบิดเพื่อสกัดการติดตามของเจ้าหน้าที่

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุคาดว่าคนร้ายได้หลบหนีผ่านเส้นทางในพื้นที่ ต.สากอ อ.แว้ง มุ่งหน้าออกช่องทางธรรมชาติ ข้ามไปยังประเทศมาเลเซีย

ขณะที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยและหลักฐานภายในจุดเกิดเหตุ เพื่อเก็บดีเอ็นเอ และลายนิ้วมือแฝง รวมถึงสอบปากคำพนักงานรักษาความปลอดภัย และพนักงานร้านทองที่เกิดเหตุ อย่างละเอียด

เบื้องต้นประเมินมูลค่าทองรูปพรรณที่ถูกปล้นไปประมาณ 600 บาท จากทั้งหมดราว 800 บาท ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงได้สั่งการให้ทุกหน่วยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งจุดตรวจและจุดสกัดเข้มทุกเส้นทาง พร้อมประสานความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคงประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อปิดช่องทางหลบหนี

ทั้งนี้ ได้มีการเผยแพร่ภาพและข้อมูลของรถกระบะทั้ง 2 คัน ที่ถูกปล้นไป โดยขอความร่วมมือประชาชนหากพบเบาะแส ขอให้แจ้งสายด่วน 1341 หรือ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้าน พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงชี้แจงเหตุปล้นทองในครั้งนี้ มีใจความว่า คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด บุกปล้นร้านทอง ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี อ.สุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ ส.อ.บุริศวร์ ระดาชัย สังกัดหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข ถูกยิงได้รับบาดเจ็บในขณะที่พยายามนำอาวุธประจำกายจากรถยนต์เข้าขัดขวางคนร้าย เบื้องต้นถูกส่งไปรักษาที่ รพ.สุไหง-โกลก ซึ่งอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

จากเหตุดังกล่าว พล.ท.นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ได้แสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้ที่ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากเหตุปล้นร้านทองที่เกิดขึ้น โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่พบรถต้องสงสัยทั้ง 2 คัน ถูกจอดทิ้งไว้บริเวณบ้านตอออ หมู่ 1 ต.กายูคละ อ.แว้ง จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมพื้นที่ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งประสานชุดอีโอดี เก็บกู้วัตถุระเบิดและชุดเก็บพยานหลักฐาน เข้าดำเนินการตามกระบวนการต่อไป

ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้หน่วยกำลังในพื้นที่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ และทหาร เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ปฏิบัติตามแผนป้องกันเมืองเศรษฐกิจ ในระดับเตรียมพร้อม 100 % และเน้นย้ำหน่วยป้องกันชายแดน เพิ่มความเข้มการปฏิบัติตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อป้องกันการหลบหนี เพ่งเล็งยานพาหนะที่ก่อเหตุ บุคคลต้องสงสัย รวมถึงเส้นทางที่อาจใช้ในการหลบหนี ตลอดจนประสานขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านในการติดตามคนร้าย และรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงการติดตามทางกล้องวงจรปิด เพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อไป

สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการสร้างสถานการณ์ แต่ยังสะท้อนเจตนาที่ชัดเจนของผู้ก่อเหตุที่ใช้ความรุนแรงเพื่อหวังประโยชน์ทางการเงิน นำมาหล่อเลี้ยงกลุ่มขบวนการของตน โดยมิได้คำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งจากการตรวจสอบและวิเคราะห์พฤติกรรมย้อนหลัง พบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้การปล้น ลักทรัพย์ และจี้ชิงทรัพย์ เพื่อนำเงินมาใช้ก่อเหตุรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้ออาวุธ วัสดุประกอบระเบิด ยานพาหนะเพื่อทำระเบิด และใช้ในการก่อเหตุร้าย

ส่วนรูปแบบการก่อเหตุเป็นลักษณะเดียวกัน คาดว่าเป็นการกระทำของกลุ่มบีอาร์เอ็น โดยสิ่งบอกเหตุแสดงว่ากลุ่มขบวนการขาดเงินทุนในการก่อเหตุ เป็นผลจากการที่เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเส้นทางการเงิน ซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มขบวนการ อาทิ ภัยแทรกซ้อนที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด สินค้าที่ผิดกฎหมาย และน้ำมันเถื่อน

ทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ขอประณามการกระทำเยี่ยงโจรดังกล่าว ซึ่งส่งผลต่อความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน รวมถึงการไม่คำนึงปากท้องของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นบุคคลต้องสงสัย หรือวัตถุต้องสงสัย หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการติดตามผู้ก่อเหตุ สามารถแจ้งเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โทร.1341 หรือหน่วยเฉพาะกิจใกล้บ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง และย้ำว่าผู้สนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการให้ที่พักพิง ซ่อนตัว หรือจัดหาเสบียง ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 อาจถูกดำเนินคดี มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top