ท่วมไม่เท่าปี’54
สทนช.ย้ำคนกรุงอุ่นใจได้
เหล่าทัพพร้อมช่วยปชช.

สทนช.ย้ำ กทม.น้ำไม่ท่วมเท่าปี’54 ด้านกรมอุตุฯ เผยทั่วไทยมีฝนเพิ่ม กทม.ตกร้อยละ 70 “บิ๊กเล็ก” สั่งทุกเหล่าทัพนำกำลังพล-ยุทโธปกรณ์ ช่วยน้ำท่วม ขณะที่ “นฤมล” ลงพื้นที่กรุงเก่าเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ด้านนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ กทม.ว่าการพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเปลี่ยนไป ประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำจะได้รับผลกรทะบจึงต้งอช่วยกันดูแล โดยวันที่ 10 ตุลาคมนี้ นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่ จ.ชัยนาท ตนจะเดินทางไปด้วย สำหรับสถานการณ์น้ำเจ้าพระยา กรมชลประทาน จะลดระดับการปล่อยน้ำลงระดับหนึ่ง ก็น่าจะดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่จะมีพายุอีก 5 ลูก เข้ามา จะทำให้ปริมาณน้ำเทียบเท่าปี 2554 หรือไม่ นายดนุชา กล่าวว่า ปริมาณน้ำฝนไม่เท่ากัน ซึ่งปริมาณในปีนี้ต่างกับปี 2554 ค่อนข้างมาก ครึ่งต่อครึ่ง โดยปริมาณน้ำผ่านเข้าเขื่อนเจ้าพระยา อยู่ที่ 2,400 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที เมื่อถามว่า ชาว กทม.สามารถไว้วางใจสถานการณ์ได้หรือไม่ นายดนุชา กล่าวว่า วางใจได้ แต่กลุ่มประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำก็ต้องเตรียมตัว ระมัดระวัง เพราะได้รับผลกระทบเป็นประจำอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าสถานการณ์น้ำทะเลหนุนจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหน นายดนุชา กล่าวว่า น้ำทะเลหนุนจะทำให้การระบายน้ำช้าลง ซึ่งการแก้ปัญหาต้องแก้ทั้งระบบ จุดที่สามารถควบคุมน้ำได้ คือเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนภูมิพล แต่ที่แม่น้ำยมยังไม่สามารถควบคุมได้ ยังไม่สามารถสร้างเขื่อนใหญ่ได้ ซึ่งจะต้องดูวิธีการ ยอมรับว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นทุกปี และมีแนวโน้มจะถี่ขึ้นเพราะภาวะโลกร้อน ซึ่งการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่จำเป็นต้องทำเป็นระบบ

วันเดียวกัน พ.อ.วีรยุทธ์ น้อมศิริ รองโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม (ศบภ.กห.) และเหล่าทัพเตรียมความพร้อมกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และเครื่องมือพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเน้นให้หน่วยทหารทุกเหล่าทัพ ดำเนินการตามแผนบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม พ.ศ.2564 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2568) ซึ่งได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อให้การบริหารจัดการและการช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อสถานการณ์ภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้น ภายใต้แนวคิด “การช่วยเหลือประชาชนด้วยหัวใจของทหาร” พร้อมให้ความสำคัญกับการปฏิบัติการในทุกระยะ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังจากเกิดภัย

ที่วัดโบสถ์ บ้านกระทุ่ม เทศบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายองอาจ วงษ์ประยูร รมช.ศึกษาธิการ นำคณะ เปิดกิจกรรม “Fix it–จิตอาสา ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใน จ.พระนครศรีอยุธยา” พร้อมรับฟังปัญหาและความเดือดร้อนของผู้บริหาร ครู นักเรียน และผู้ปกครองในพื้นที่

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นอีกพื้นที่ซี่งเสียสละรับน้ำ มีพื้นที่อยู่นอกพนังกั้นน้ำ ซึ่งจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกฯ ได้มอบหมายให้ ครม.ลงพื้นที่มีการพิจารณาจัดงบประมาณเยียวยาประชาชนที่ถูกน้ำท่วมครัวเรือนละ 9,000 บาท ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว ขณะนี้รัฐบาลเตรียมจัดงบประมาณและหาสถานที่ เพื่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่รับน้ำ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ

“ขอขอบคุณชาวอาชีวะ ที่ดำเนินการกิจกรรม Fix It จิตอาสา เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดหน่วยบริการช่วยเหลือประชาชน มอบถุงยังชีพ และที่สำคัญคือจัดทำสุขาลอยน้ำ 25 หลัง มอบให้ประชาชนในพื้นที่ ต.บางกระทุ่ม ซึ่งถือเป็นความจำเป็นในการดำรงชีวิตในสถานการณ์เช่นนี้ และที่ผ่านมาอาชีวะอยุธยา ได้เผื่อแผ่แบ่งปันสุขาลอยน้ำ ไปยังพื้นที่อื่นๆ ด้วย” ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ขณะที่นายองอาจ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้นำองค์ความรู้ทางวิชาชีพ มาช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัย ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า สร้างสุขาลอยน้ำ ประดิษฐ์อุปกรณ์ช่วยในภาวะน้ำหลาก จากที่ได้ลงพื้นที่ก็ทราบเลยว่าสิ่งจำเป็นไม่ใช่แค่ถุงยังชีพ

ทั้งนี้ ศ.ดร.นฤมล และนายองอาจ ได้ลงพื้นที่โดยใช้เรือท้องแบน เข้าเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจประชาชนตามบ้านเรือน ผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียง พร้อมกับมอบถุงยังชีพ สุขาลอยน้ำ เรือไฟเบอร์ อาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัย